'พล.ท.นันทเดช' เตือน โฆษณาเพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องทำได้จริงและหางบประมาณมาอุดตามที่โม้ไว้ได้
(20 ม.ค. 66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การหาเสียงที่ไร้คุณธรรม 2 รูปแบบ
การโฆษณาเพื่อหวังผลทางการเมืองนั้นมีขอบเขตควบคุมไว้ คือ จะต้องทำได้จริง และ สามารถหางบประมาณมาทตามที่โม้ไว้ได้ โดยไม่ก่อผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ
เช่นเรื่องการขึ้นค่าแรง 600 บาท แต่มีเงื่อนไขติดมาเพื่อที่จะสามารถชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ว่าจะไปขึ้นเอาอีก 3 – 4 ปีข้างหน้า
การพูดแบบนี้ มันส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความหวังว่า จะได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นทันที สินค้าก็จะขึ้นราคาไปล่วงหน้า เพราะส่วนใหญ่จะมีสักกี่คนที่รู้เงื่อนไขที่พรรคการเมืองตั้งไว้ได้ แต่นักการเมืองพวกนี้ ก็จะมีการนำไปหาเสียงโดย พูดแต่ประโยคแรก ว่า “จะได้ 600 บาท” เท่านั้น ไม่ได้พูดเงื่อนไขต่อไปอีก ประชาชนก็จะจำแต่เรื่องเงิน 600 บาทเท่านั้น
หรือบางพรรคจะให้เด็กจบมหาวิทยาลัย ได้เงินเดือนสองหมื่นห้า บางพรรคก็พูดว่า จะเพิ่มเงิน 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้งที่เขาเพิ่มกันไปหลายพัน นานแล้ว
พวกนี้แม้จะพูดกันไปเกินจริง โดยไม่ทราบว่า จะติดการหาเสียงแบบการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มาหรือเปล่า ที่หาเสียงแบบคลุมจักรวาล เป็น 200 เรื่อง แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้ครบเอาชาติไหน
เรื่องคนพวกนี้ยังพอรับได้ครับ แต่เรื่องที่ ส.ส. กทม. บางคนที่ได้เป็น ส.ส. เพราะโหนกระแสของลุงตู่มา วันนี้พอย้ายมาอยู่พรรคฝ่ายตรงข้าม ก็เปลี่ยนอุดมการณ์ไปทันที ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนเคยอัด ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เดี๋ยวนี้กลับไปเยินยอ คนที่ตัวเองเคยอัดไว้ และหันมาโจมตีพวกที่ตนเคยเป็นเพื่อนมาก่อน อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ..คนอาไร๋..
อย่าเชื่อว่า กระแสที่เกิดตอนที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะอยู่ยังยืนยงต่อไปได้นะครับ