ศาลสหรัฐฯ ยกฟ้อง ‘มกุฎราชกุมารซาอุฯ’ ปมสังหาร ‘คาช็อกกี’ อ้างสิทธิคุ้มกันทางกฎหมาย

ศาลสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคำพิพากษา ‘ยกฟ้อง’ กรณีเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงตกเป็นจำเลยพัวพันคดีสังหารนักข่าวชาวซาอุฯ จามาล คาช็อกกี (Jamal Khashoggi) โดยอ้างเหตุผลว่ารัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้รับรอง ‘สิทธิคุ้มกันทางกฎหมาย’ ให้แล้ว

จอห์น บาเตส ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ระบุในคำวินิจฉัยวานนี้ (6 ธ.ค.) ว่า แม้ศาลจะ ‘ลังเล’ ที่จะสั่งยกฟ้องกรณีที่ น.ส.เฮทิซ เซนกิซ คู่หมั้นของ คาช็อกกี ร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหว DAWN เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอาผิดเจ้าชายโมฮัมเหม็ด แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับจุดยืนของรัฐบาลอเมริกันที่ประกาศแล้วว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ซึ่งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นทั้งมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุฯ ทรงได้รับสิทธิคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดีในฐานะที่ทรงเป็น ‘ประมุขรัฐ’

บาเตส ยังระบุด้วยว่า เซนกิซ และกลุ่ม DAWN ได้นำเสนอข้อโต้แย้งที่ ‘มีน้ำหนัก’ และ ‘น่าชมเชย’ ว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงอยู่เบื้องหลังเหตุฆาตกรรมซึ่งเกิดขึ้นที่สถานกงสุลซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล เมื่อปี 2018 ทว่าศาลไม่มีอำนาจที่จะปฏิเสธจุดยืนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่าเจ้าชายทรงได้รับสิทธิคุ้มกันในฐานะผู้นำรัฐบาลต่างชาติ

คาช็อกกี ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และมักเขียนบทความวิจารณ์รัฐบาลซาอุฯ อยู่เนือง ๆ ถูกฆ่าหั่นศพโดยกลุ่มสายลับซาอุฯ ที่สถานกงสุลในนครอิสตันบูลเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2018 ซึ่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด หรือ MBS ซึ่งทรงทำหน้าที่เสมือน ‘ผู้ปกครองซาอุฯ ในทางพฤตินัย’ มานานหลายปีแล้ว

เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการตายของคาช็อกกี แต่ทรงยอมรับในภายหลังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ‘ภายใต้การดูแล’ ของพระองค์

คู่หมั้น คาช็อกกี ออกมาตำหนิการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่รับรองสิทธิคุ้มกันทางกฎหมายให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ดเมื่อเดือน พ.ย. โดยระบุว่า ‘จามาล จบชีวิตลงอีกครั้งในวันนี้’

การที่ ไบเดน เดินทางไปพบเจ้าชายโมฮัมเหม็ดที่ซาอุฯ เมื่อเดือน ก.ค. เพื่อหารือเรื่องพลังงานและปัญหาความมั่นคงทำให้เขาเองถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย ขณะที่ทำเนียบขาวชี้แจงว่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้บอกกับเจ้าชายตรง ๆ ว่าเขาคิดว่าพระองค์ ‘มีส่วนรับผิดชอบ’ กับการตายของ คาช็อกกี


ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี
https://mgronline.com/around/detail/9650000116286