‘ไอติมรสส้ม’ ผู้ก้าวไม่พ้นวังวน แก้รธน. - ม.112 กับหมุดหมาย ‘เท่าเทียม’ หรือแค่สนองความอยาก

ดูเหมือนว่าความสนใจของไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้เปลี่ยนสีจากสีฟ้าบลูเบอรี่มาเป็นไอติมรสส้มจะโฟกัสอยู่เพียงสองจุดคือการแก้ไขมาตรา 112 และการแก้รัฐธรรมนูญ เรียกว่าเป็นเนื้อเดียวแนบแน่นกับพรรคก้าวไกล จึงไม่น่าแปลกใจที่ไอติมจะได้ตำแหน่งผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายของพรรคก้าวไกล เพราะรูปสมบัติและคุณสมบัติเอื้อทุกด้าน ทั้งหน้าตาดี วาทกรรมเด่น แถมมาจากครอบครัวเก่าแก่ อย่าคิดว่าพรรคที่ชูนโยบายเรื่องความเท่าเทียมจะเท่าเทียมอย่างที่อ้าง เพราะหลายครั้งหลายหน ชาวโลกเห็นสมาชิกพรรคสีส้มออกมาแฉว่าความเท่าเทียมที่พร่ำอ้างกันนั้นไม่มีอยู่จริง 

ย้อนเส้นทางการเมืองของไอติม หลังลาออกจากบริษัทที่ปรึกษาในต่างประเทศ และเดินทางกลับประเทศไทย ได้เริ่มต้นเส้นทางการเมืองของกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2561 โดยมีบทบาทในการร่วมก่อตั้งกลุ่ม NewDem ซึ่งเป็นกลุ่มนักการเมืองรุ่นใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกับ สุรบถ หลีกภัย บุตรชายของ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, พรหม พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ บุตรชายของ พนิช วิกิตเศรษฐ์ และคณวัฒน์ จันทรลาวัณย์

จากนั้น ได้รับมอบหมายจาก พรรคประชาธิปัตย์ ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 13 บางกะปิ วังทองหลาง (แขวงพลับพลา) ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2562 ซึ่งเจ้าของที่นั่งก่อนหน้านี้คือนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน (บุตรชายของนาย บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) 

อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งปี 2562 ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้สูญเสียที่นั่งทุกที่นั่งในกรุงเทพมหานคร โดยเขตเลือกตั้งที่ 13 ซึ่งไอติม ลงแข่งนั้น ผลการเลือกตั้งปรากฎว่า น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ (พลังประชารัฐ) ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยอันดับ 2 นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส (เพื่อไทย) อันดับ 3 น.ส.ณิชชา บุญลือ (อนาคตใหม่) ส่วนไอติม เข้ามาเป็นอันดับที่ 4 เรียกว่าแพ้ราบคาบทั้งตัวบุคคลและพรรค

หลังการเลือกตั้งจบลงก็มีกระแสข่าวว่าสมาชิกรุ่นอาวุโสของ พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเข้าร่วมรัฐบาลกับ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ พริษฐ์ และสมาชิกกลุ่ม NewDem จำนวนหนึ่งตัดสินใจลาออกจากสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ นับเป็นจุดสิ้นสุดของกลุ่ม NewDem[1]

ไอติมเป็นหลานของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะสังกัดพรรคนี้ในช่วงแรก ต่อมาลาออกเพราะพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เลยสะบัดบ็อบไปซบก้าวไกล 

ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะดูสนิทกันดีกับ  iLaw คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล จนเคลื่อนไหวในนามกลุ่ม Re – Solution เพื่อล่ารายชื่อเพื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560  หลักใหญ่คือ ยกเลิก ส.ว.และยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วมีโอกาสเป็นตัวแทนเสนอหลักการและเหตุผลในการแก้ไขต่อรัฐสภา แต่สมาชิกรัฐสภาลงมติไม่รับหลักการในวาระ 1 ไม่รู้ว่าแค้นฝังหุ่นหรืออย่างไร ถึงวนเวียนอยู่แต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญกับการแก้ไขมาตรา 112

ในส่วนของการแก้มาตรา 112 นั้น ไอติมต้องการลดโทษให้เบาลง โดยมองว่าโทษจำคุก 3-15 ปีหนักเกินไป เอาแค่จำคุกไม่เกินปีเดียว ปรับอีกไม่เกินสามหมื่น แหม โทษเบาแบบนี้ใครจะกลัว นี่ขนาดมีโทษจำคุก บรรดาสามนิ้วยังด่าและข่มขู่สถาบันกษัตริย์อย่างหยาบคายไม่กลัวเกรง หากลดโทษลงแล้ว จะยังมีใครเกรงกฎหมายอยู่ไหมล่ะ แล้วการลดโทษให้น้อยลง จะแก้ปัญหาให้คนที่ทำผิดข้อนี้ซ้ำๆซากๆ สำนึกผิดและเข็ดหลาบไหม ถามจริง

นอกจากนี้ไอติมอยากให้มีการกำหนดผู้ฟ้องที่ชัดเจน เพราะกังวลว่าอาจมีการกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือล่าแม่มด เรื่องนี้เป็นการสับขาหลอกที่แท้ทรู เพราะมาตรา 112 อยู่ในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ความผิดลักษณะ 1 ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว แปลแบบบ้านๆ ง่ายๆ คือ ต้องการดึงสมาชิกราชวงศ์มาเป็นคู่กรณีนั่นเอง

ส่วนประการสุดท้ายคือต้องการให้วางขอบเขตการบังคับใช้ นั่นคือให้คุ้มครองกรณีการแสดงความเห็นโดยสุจริตหรือการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธาณะ สรุปข้อนี้คือต้องการวิพากษ์วิจารณ์โน้มน้าวปลุกระดมภายใต้ภาษาวิชาการทั้งปวง ทั้งหมดนี้อ้างว่าคือการปกป้องสถาบันกษัตริย์ 

ก่อนหน้าการประชุมเอเปกไม่นาน ไอติมขึ้นเวทีที่ธรรมศาสตร์ รังสิต เสวนา 'เลือกตั้งครั้งต่อไป อนาคตประเทศไทยยังไงต่อ' โดยย้ำว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมองว่ารัฐธรรมนูญ 2560 กดทับเสียงของประชาชน โดยถูกใช้เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารและระบอบประยุทธ์ มีการฝังอาวุธอย่างน้อย 3 ประเภทที่ทำให้ระบอบประยุทธ์นำมาใช้ในการขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน คือ (1) 250 ส.ว. (2) ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ (3) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งเป็น 3 อาวุธที่อันตรายมาก จึงมีความจำเป็นที่ต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ไปไกลหรือแค่ยกเลิกมาตรา 272 แต่ต้องแตะ 3 อาวุธนี้ด้วย

จากนั้นก็ลากโยงไปอวยพรรคก้าวไกลว่าจะรวบรวมรายชื่อส่งไปที่ ครม. เพื่อขอให้อนุมัติการจัดประชามติว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่พร้อมการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หากรัฐบาลนี้ไม่ทำ ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล จะดำเนินการเรื่องนี้ภายใน 100 วันแรกทันที คือยกมาเป็นนโยบายหาเสียงนั่นแหละ คือถ้าได้เป็นรัฐบาลจะทำทันทีในหนึ่งร้อยวัน ทำราวกับเก็บศพเผาผี ครบหนึ่งร้อยวันประมาณนั้น

ไอติมจำไม่ได้เหรอว่าเคยทำแบบนี้มาหนหนึ่งแล้ว ตอนที่เคลื่อนไหวในนามกลุ่ม Re – Solution ตอนนั้นก็ล่ารายชื่อให้แก้รัฐธรรมนูญ ที่มีหลักใหญ่ใจความว่าให้ยกเลิก สว. และยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วก็ตอนนั้นก็เคี้ยวแห้วเต็มปาก เพราะสมาชิกรัฐสภาลงมติไม่รับหลักการ สรุปว่ายังเจ็บไม่พอ จะขออีกสักทีสินะ