‘หัวรถจักรรถไฟ EV’ ตัวต้นแบบมาแน่ พ.ย.นี้ เปลี่ยนโลกขนส่ง ‘ลดใช้พลังงาน - ประหยัดค่าโดยสาร’

ไม่เพียงแค่ รถยนต์ EV, รถเมล์ EV และ เรือ EV ที่กำลังช่วยขับเคลื่อนพลังสะอาดให้สังคมไทยอยู่ในตอนนี้เท่านั้น ในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยก็กำลังจะเปิดตัว ‘หัวรถจักรรถไฟ EV’ ตัวต้นแบบภายในเดือนพ.ย. นี้ด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เคยเปิดเผยไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) เร่งดำเนินการศึกษาการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งสาธารณะ กรณีรถไฟขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (EV on Train) เพื่อให้สามารถลดต้นทุนในการดำเนินการต่าง ๆ ลงได้ อันจะส่งผลให้ภาระที่ผลักถึงประชาชน โดยเฉพาะค่าโดยสารลดลงตามไปด้วย 

โดยรายงานเบื้องต้น เผยว่า ขณะนี้ ภาคเอกชน ได้ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และอยู่ระหว่างการพัฒนา ‘หัวรถจักรรถไฟ EV’ ต้นแบบ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการใช้พลังงานได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับหัวรถจักรดีเซล โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 65 และจะมีการทดสอบเดินรถในระยะสั้น ๆ ภายในปลายปี 65 อีกด้วย 

นายศักดิ์สยาม ยังระบุต่ออีกว่า ตอนนี้ประเทศไทยสามารถประกอบติดตั้งระบบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้เองแล้ว สอดคล้องกับหลากหลายประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และกำลังดำเนินการกันอยู่ 

สำหรับ EV on Train ตัวต้นแบบของไทยนั้น เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อย จะต้องมาพิจารณาผลว่าเป็นอย่างไร หากได้ผลดี อาจต้องทบทวนแผนการจัดซื้อหัวรถจักร และรถโดยสารของ รฟท. ให้เป็นแบบ EV ต่อไป

อย่างไรก็ตามขณะนี้งบประมาณของรัฐค่อนข้างมีข้อจำกัด หากให้เอกชนลงทุนได้ ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชน และประเทศชาติ เพียงแต่การทำรถไฟ EV ขึ้นเองนั้น ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ และต้องได้มาตรฐานระดับสากลด้วย เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากเรื่อง ‘หัวรถจักรรถไฟ EV’ แล้ว นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึง 'รถโดยสารไฟฟ้า' ด้วยว่า ขณะนี้เอกชนเริ่มนำรถโดยสารไฟฟ้ามาให้บริการประชาชนแล้ว โดยกระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี จะต้องเปลี่ยนรถเมล์ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้เป็นรถเมล์พลังงานสะอาด หรือรถเมล์พลังงานไฟฟ้า (EV) ประมาณ 5-8 พันคัน 

ส่วนโครงการรถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 224 คัน ขององค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.) ที่ยังติดขัดเรื่องการตีความของสำนักงบประมาณในการใช้งบประมาณลงทุนนั้น เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนจะทันนำมาให้บริการประชาชนได้ภายในปีนี้หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ หรือจะทันในปี 66 หรือไม่ อาจต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ จะหมดวาระในเดือน มี.ค.66 ที่จะถึงนี้