‘ก้าวไกล’ ก้าวไม่หยุด เดินหน้าต่อแก้ 112 ทำตามนโยบายหาเสียงที่ให้ไว้ต่อประชาชน

(21 ต.ค. 65) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่หลายพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศออกมาว่า อันที่จริงแล้วเรายื่นขอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทที่รวมถึงมาตรา 112 ไปเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ท้ายที่สุดทางเจ้าหน้าที่ของสภายังไม่ได้นำเข้าสู่ระบบ ซึ่งเท่ากับว่าจะไม่สามารถบรรจุวาระได้ เราเสียดายโอกาสตรงนี้เป็นอย่างยิ่งเพราะคิดว่า หากมีการเข้ากระบวนการตามปกติ ก็จะนำไปสู่การพูดคุยกันในสภา ว่ากฎหมายนี้ควรจะต้องมีการแก้ไขหรือไม่ รวมไปถึงคนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน แต่นั้นก็คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว แต่เราเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนที่เหลือ ก็คงไม่ทันที่จะบรรจุวาระแน่นอน 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีหลายพรรคแสดงความคิดเห็นออกมานั้น ตนมองว่ามันปนกันอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ แต่ละพรรคค่อนข้างเห็นด้วยว่าสมควรที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความจริงบางพรรคเสนอว่าเห็นควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ โดยสภาผู้แทนราษฎรโดยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งหากกล่าวเช่นนี้ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพิจารณาทุกหมวดตั้งแต่หมวดที่หนึ่ง หมวดที่สอง หรือหมวดอื่น ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ก็มีบางพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้รวมถึงการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่มีพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 นั้น เราก็เคารพความคิดเห็นของแต่ละพรรค แต่เราอยากให้เห็นประเด็นสำคัญว่า ขณะนี้มีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่ได้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ก็คือเจตนารมณ์ในการปกป้องสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใครก็ตาม เอาเรื่องเหล่านี้เข้ามากล่าวโทษ แล้วก็กลายเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งกันในทางกฎหมาย 

อีกทั้งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว มีการออกหมายจับ และกระบวนการในศาลนั้นก็มีการไม่ให้ประกันตัว ซึ่งเป็นการขัดหรือแย้งต่อการเคารพหรือข้อสันนิษฐานที่บอกว่าผู้ต้องหาต้องเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เราจึงเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ถึงแม้เราจะเคารพแต่ละพรรคที่แสดงจุดยืน แต่ว่าท่านเห็นเหมือนกับเราหรือไม่ว่าหากเรื่องนี้เป็นปัญหาทำไมไม่ถือโอกาสนี้ หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาหารือกัน ตนคิดว่าน่าจะตอบโจทย์ของการเคารพต่อทุกสถาบัน องค์กร และจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าพรรคการเมืองที่ตนเลือกนั้นมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ อย่างไร 

เพราะฉะนั้นในภาพรวมไม่ว่าแต่ละพรรคจะมีจุดยืนอย่างไร แต่ทางพรรคก้าวไกลเองก็คงเดินต่อ ซึ่งในท้ายที่สุดหากประชาชนเลือกเราเข้าไปเป็นผู้แทนในสภาและมีเสียงอย่างเพียงพอ เราก็จะเดินหน้านโยบายต่าง ๆ ที่เราได้หาเสียงต่อประชาชนไว้