'เพื่อไทย' แนะ 'ประวิตร' เร่งแก้หนี้นอกระบบ ชี้!! หากชักช้าจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม ในฐานะรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งแรกของปี 2565 พบผู้ประกอบการปิดกิจการสูงถึง 7,500 บริษัท ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ที่ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่พ้นปากเหว นับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ภายหลังเกิดปัญหาการระบาดของโควิด รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาด และออกมาตรการที่ไม่จริงใจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายย่อยหลายแสนรายปิดตัวลง

ผลที่ออกมาอยากให้รัฐบาลย้อนไปดูตัวเองว่า บริหารประเทศอย่างไร เงินกู้จำนวน 1.5 ล้านล้าน ที่รัฐบาลบอกว่าจะนำมาช่วยผู้ประกอบการ ก็ไม่เป็นความเป็นจริงไม่มีผู้ประกอบการหลายหมื่นบริษัท เข้าไม่ถึงเงินกู้ที่รัฐบาลจัดไว้ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หลายแห่งต้องประสบปัญหาด้านเงินทุน จนไปต่อไม่ได้

นางมนพร กล่าวด้วยว่า อยากฝากไปยังพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี ลงมาแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด รวมไปถึงการออกมาตรการลดต้นทุนการเกษตรอย่างจริงใจ เพราะต้นทุนทางการเกษตกรเพิ่มสูงมากขึ้น ทั้งน้ำมันแพง ปรับค่าไฟฟ้า ปุ๋ยยูเรียราคาเพิ่มขึ้น 4 เท่าจาก 400 เป็น 1,800 บาทต่อกระสอบ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นหลายเท่าตัว แต่ราคาสินค้าเกษตรลดลง ส่งผลให้เกษตรกรไม่มีเงินทำการเกษตรต่อ เพราะยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ 

"รัฐบาลควรที่จะหาทางด้านการลดต้นทุนการเกษตรรวมทั้งหามาตรการที่จะช่วยลดภาระให้เกษตรกร ไม่ควรอ้างว่าทำไม่ได้ เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือมากมาย แต่ทำไม่เป็น ทำให้ประชาชนลำบาก รวมทั้งเมื่อรายได้ไม่พอรายจ่าย ประชาชนต้องการหาเงิน จึงเป็นต้นกำเนิดแห่งอาชญากรรมตามมา ทั้งยาเสพติด แก๊งทวงหนี้นอกระบบ หรือแก๊งหมวกกันน็อก โจรลักขโมย ปล้นทรัพย์ ที่เติบโตขึ้นตามระบบเศรษฐกิจที่ล่มสลาย หากรัฐไม่ทำอะไร จะส่งผลให้ซ้ำเติมความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแน่นอน” นางมนพร กล่าว