บีโอไอ เผย ไทยขยับใกล้ขึ้นเป็นฮับ EV คาดต้นปี 66 ยอดผลิตแตะ 1 ล้านคัน

เผยยอดขอบีโอไอรถ EV ทะลุเป้า 830,000 คัน คาดต้นปี 2566 ผลิตได้แตะ 1 ล้านคัน ล่าสุด BYD จากจีนได้บีโอไอ ทุ่ม 17,891 ล้านบาท เริ่มผลิตปี 2567 จับตาค่ายจีน ยุโรป เตรียมยื่นขอส่งเสริมอีกเพียบ

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า นโยบายสนับสนุนให้เกิดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ขึ้นในประเทศไทย โดยอาศัยมาตรการต่าง ๆ เข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือผลักดันให้เกิดการลงทุน ซึ่งจากสถิติยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดที่ผ่านมาของ XEV หรือรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบปลั๊กอิน (HEV) แบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และแบบแบตเตอรี่ (BEV) ได้รับการอนุมัติไปแล้วถึง 26 โครงการ จาก 17 บริษัท มีกำลังการผลิตแบบเต็ม (capacity) 830,000 คัน ซึ่งหากเป็นเฉพาะ BEV เพียว มีจำนวน 256,000 คัน นับว่าเป็นจำนวนที่สูง

ล่าสุดคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานบอร์ด ยังได้อนุมัติการลงทุนให้กับบริษัท BYD จากประเทศจีน ซึ่งจะเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ BEV และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก PHEV มูลค่าการลงทุน 17,891 ล้านบาท ที่จะต้องลงทุนในกรอบเวลา 3 ปี นับจากได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน ดังนั้น คาดว่า BYD จะเริ่มผลิตในปี 2567

ซึ่งตามเงื่อนไขการลงทุนนั้น จะต้องใช้แบตเตอรี่ในประเทศ จะเป็นการลงทุนเอง ดึงพาร์ตเนอร์ให้เข้ามาลงทุนเพื่อผลิตให้กับโครงการที่ได้รับอนุมัติก็ได้ หรือจะใช้แบตเตอรี่ที่มีผู้ผลิตอยู่แล้วในประเทศก็ได้ เพื่อประเทศไทยจะได้อานิสงส์จากการลงทุนครบทุกด้าน

“ตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้คือปี 30/30 คือการตั้งเป้าผลิตรถให้ได้ 700,000 คัน หรือ 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดใน 2573 ซึ่งตอนนี้เราได้ทะลุไป 830,000 คันแล้ว (แบบเต็ม capacity) คาดว่าปลายปี 2565 หรือช่วงต้นปี 2566 จะมีการผลิตไปแตะถึง 1 ล้านคัน ซึ่งไทยไม่ยากที่จะขึ้นเป็นฮับ EV”

สำหรับแนวโน้มจากนี้ยังมีค่ายรถจากจีนและยุโรป เตรียมยื่นขอรับการส่งเสริมอีกหลายค่าย

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เปิดเผยว่า EV เริ่มมีบทบาทและมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะ 1.ราคาถูกลง คนเข้าถึงได้ 2.แรงม้าเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราเร่งการขับขี่สนุกขึ้น 3.เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้การชาร์จไฟต่อครั้งวิ่งได้ไกลขึ้น 4.ลด PM2.5 ได้จริง


ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1018568