‘บิ๊กตู่’ จัดให้!! มติครม. 12 ก.ค. 65

📌 ครม. ไฟเขียวลดภาษีสรรพสามิตดีเซลอีก 2 เดือน สูญ 2 หมื่นล้าน
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ถึง 20 กันยายน 2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงที่ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยการใช้มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการในระยะสั้น และถ้าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย รัฐบาลก็จะยังคงใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกหลักในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังได้จัดทำประมาณการสูญเสียรายได้ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท

📌 ครม. ลดค่าธรรมเนียมโอนของธนาคารที่ดิน เหลือ 0.01% ถึงปี 68 ช่วยปชช.ประหยัดเงิน
ครม. มีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ ในภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) โดยสาระสำคัญ เป็นการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน ) เกี่ยวกับค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากอัตราร้อยละ 2 และร้อยละ 1 เหลืออัตราร้อยละ 0.01 ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2568

ทั้งนี้คาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ จากการลดค่าธรรมเนียมหลายหมื่นล้านบาท แต่จะเป็นโยชน์ช่วยลดค่าใช้จ่ายการจดทะเบียนและการทำนิติกรรมของประชาชน และกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม และยั่งยืนแก่ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล

📌 ครม. อนุมัติ งบกลาง 395 ล้านบาท ซ่อมโรงเรียนสังกัด สพฐ. ที่ประสบภัยธรรมชาติ 
ครม. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบและสิ่งก่อสร้างอื่นให้กับโรงเรียนที่ประสบภัยธรรมชาติ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรอบวงเงิน 395 ล้านบาท จำนวน 1,071 รายการ ทั้งในส่วนของกรุงเทพมหานครและอีก 67 จังหวัด

ทั้งนี้ สพฐ.ไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณงบกลางมาดำเนินการ เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบและสิ่งก่อสร้างอื่นให้กับโรงเรียนที่ประสบภัยธรรมชาติให้กลับสู่สภาพปกติอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการเตรียมความพร้อมทางด้านอาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถานศึกษา รองรับการเปิดภาคเรียน รวมทั้งเพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มรูปแบบ

📌 ครม. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่า สนับสนุนการจัดสัมมนา
ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ  2 ฉบับ โดยเป็นมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ จัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้าภายในประเทศ โดยให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า ของที่จ่ายจริง ตั้งแต่ 15 ก.ค. - 31 ธ.ค. 65 คาดว่า จะมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี จาก 2 ร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว รวมแล้วประมาณ 7,750 ราย โดยรัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล เพียง 455 ล้านบาท แต่สามารถช่วยเอกชนลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 2,275 ล้านบาท

📌 ‘บิ๊กตู่’ สั่ง ครม. อวดเสนอผลงาน รัฐ-เอกชน ทุกสัปดาห์ ปลื้ม!! ย้ำ รมต.-ทุกหน่วยช่วยกันแจงประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แจ้งในที่ประชุมครม. ว่า ในการประชุมครม. ทุกสัปดาห์ ให้ทุกหน่วยงาน นำเสนอผลงานของทางภาครัฐและเอกชน โดยวันนี้ได้นำเสนอ ในส่วนของสมาคมภัตตาคารไทย ร่วมกับผู้ประกอบการ รวมถึงการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า 5 มิติ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนรัฐบาล โดยนายกฯ เน้นแนวทางช่วยกันดำเนินงาน พร้อมให้หน่วยงานที่ดูแลเรื่องของหนี้ครัวเรือน รวมถึงหนี้ครู หนี้ตำรวจ ดำเนินการ

📌 ครม. ทุ่ม 1.9 พันล้านบาท ‘พัฒนา-เสริมสร้าง’ ความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ปี 65 
ครม. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 โดยได้อนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 ครั้งที่ 3 รวม 29 จังหวัด จำนวน 1,138 โครงการ กรอบวงเงินรวม 1,973 ล้านบาท มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มอาชีพ นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ว่างงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19