'ไทยสร้างไทย' วอนรัฐเห็นใจผู้ค้าหวย ‘รายย่อย-เปราะบาง’ ถูกตัดสิทธิไม่เป็นธรรม

กลุ่มผู้ค้าสลากรายย่อย ร้อง ‘ไทยสร้างไทย’ โวยรัฐจ้องจัดการแต่ผู้ค้ารายย่อย ปัดต้นเหตุทำหวยแพง รองโฆษกย้ำไม่คัดค้านสลากดิจิทัล อ้อนขอความเห็นใจกลุ่มเปราะบางด้วย

(1 ก.ค.65) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย น.ส.เกณิกา ตาปสนันท์ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มผู้ค้าสลากเสรีรากหญ้าทั่วประเทศ นำโดยนายสำอาง ซ่อนกลิ่น นายสุมิตร เลอเกียรติวรกุล ซึ่งนำตัวแทนยื่นหนังสือถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการเปลี่ยนนโยบายขายสลากกินแบ่งรัฐบาล

ตัวแทนผู้ค้าสลาก เปิดเผยถึงปัญหาในการค้าสลาก ซึ่งคนตัวเล็กถูกรังแกจากมาตรการต่าง ๆ ของทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยอ้างว่าผู้ค้าสลากขายเกินราคาไม่ทำตามกฎระเบียบ แม้ผู้ค้าจะพยายามดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ แต่คนตัวเล็กก็ยังถูกตัดสิทธิ์ ทั้งจากสถานการณ์โควิด และระเบียบต่าง ๆ อยากถามไปยังกองสลากว่า เหตุใดจึงต้องตั้งธงในการมาตัดสิทธิ์ผู้ค้ารายย่อยที่มีสลากไปอยู่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตมีสาเหตุมากมายทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ รวมถึงกลุ่มเปราะบางผู้สูงอายุผู้พิการทั้งหลายที่ถูกตัดสิทธิ์โดยไม่สนใจความเดือดร้อน

สิ่งที่กองสลากเคยรับปากโร้ดแมปดังกล่าวไว้กลับไม่ดำเนินการ ทำให้ผู้ค้าสลากรายย่อยถูกตัดสิทธิ์ประมาณ 5หมื่นราย หรือถ้าในครัวเรือนก็เกือบ 2 แสนคน จึงมาร้องเรียนกับพรรคไทยสร้างไทยให้ช่วยประสานงาน ดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำความผิด ไม่มีการไต่สวนข้อเท็จจริง ขอให้ผู้มีอำนาจช่วยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย สลากแพงเกินราคาไม่ได้มาจากผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีกำไรเพียงเดือนละ 4,000-5,000 บาท ที่จะมาเป็นผู้กำหนดราคา ซึ่งรัฐบาลก็ทราบถึงปัญหาและต้นตอที่จำเป็นต้องไปจัดการ แต่ที่ผ่านมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ผู้มีอำนาจมาไล่กดดันกับผู้ค้าคนตัวเล็ก ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

นส.เกณิกา กล่าวว่า ไม่ได้คัดค้านการออกสลากดิจิทัล เพราะถือว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์ แต่ต้องการให้รัฐบาลและกองสลากเห็นใจกลุ่มเปราะบาง ทั้งเรื่องการยืนยันตัวตน กลุ่มไกลปืนเที่ยงที่ห่างไกลเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ทันเวลา ยังมีผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่น กลุ่มที่ติดโควิด เช่นหมู่บ้านหนึ่งซึ่งติดโควิด 1 หรือ 2 คนแต่ต้องถูกกักบริเวณทั้งหมู่บ้าน ทำให้ผู้ค้าสลากได้รับผลกระทบไม่สามารถออกไปค้าขายได้ จึงเป็นช่องทางให้ผู้ที่สามารถขายได้นำสลากไปขายต่อ คนที่ปล่อยสลากหลุดมือไปแล้วนั้น ไม่สามารถทราบได้เลยว่า สลากดังกล่าวปลายทางจะไปอยู่ที่ใด หรือจะไปโผล่แพลตฟอร์มใด ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลหรือกองสลากควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

"ยืนยันว่ากลุ่มผู้ค้าสลากรากหญ้าไม่ได้คัดค้านการทำสลากดิจิทัล ถ้าอยู่กับกลุ่มเปราะบางคนแก่ผู้สูงอายุคนพิการ หรือรายย่อยอย่างแท้จริงเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน แต่สิ่งที่เจอกลับพบว่าสลากเหล่านี้ ไปอยู่ในมือนายทุน ปล่อยให้นายทุนมาเป็นเสือนอนกินในสลากดิจิทัล 5 ล้านใบเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะขั้นตอนการจัดสรรไปถึงมือกลุ่มผู้ค้าต่างๆ เป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจต้องทบทวนให้เกิดความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดต่อผู้ค้า โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง" นส.เกณิกากล่าว


ที่มา: https://www.thaipost.net/general-news/172708/