เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผย ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะเกิดวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมโลก 

โดยในไทยพบ กลุ่มอุตสาหกรรมด้านอาหาร อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์สมุนไพรไทย และยานยนต์ไฟฟ้า มีแนวโน้มการเติบโตสูง ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นเติบโตลดลง

นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมไทย ในงาน Thailand’s Smart Awards ครั้งที่ 3

ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ภาพรวมการเติบโตอุตสาหกรรมไทยลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมไทยนั้น มีการปรับตัวทำให้กลับมาเทียบเท่าก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 และยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย GDP ภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตขึ้น 5.9 % ซึ่งสูงกว่า GDP ของประเทศที่เมื่อปีที่แล้วเติบโตอยู่ประมาณ 1.6 % โดยในปีนี้คาดการณ์ว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมจะเติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 2.2 – 3.2 % 

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ 
1. กลุ่มอาหารอุปโภคบริโภค ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบในเรื่องการเป็นแหล่งผลิตอาหารโลก กอปรกับโลกเกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหาร (Food Crisis) ทำให้มีโอกาสส่งออกอาหารได้มากขึ้น

2. อุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ รับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่หันมา Work from Home มากขึ้น 
3. อุตสาหกรรมกลุ่มเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งยาเวชภัณฑ์สมุนไพร 
4. อุตสาหกรรมกลุ่มยานยนต์ โดยเฉพาะ ยานยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากภาวะสงคราม 
และ 5.กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กกล้ายังมีแนวโน้มเติบโตสูงอีกด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าแฟชั่น สินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ มีแนวโน้มเติบโตลดลง เนื่องจากประชาชนมีกำลังซื้อที่ลดลง 

“แม้สถานการณ์โควิด-19 จะผ่อนคลาย แต่ก็ยังมีวิกฤตสงครามที่ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ดังนั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือผลักดัน โดยมีมาตรการภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุน มี SME D Bank และโครงการต่าง ๆ ไว้รองรับและให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังมีการช่วยเหลือในด้านโลจิสติกส์ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีโครงการที่จะเข้าไปช่วยเหลือเพื่อช่วยลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการอีกด้วย” นายกฤชนนท์ กล่าว