'งานวิจัย' ชี้!! พื้นที่ต้นกำเนิดการเลี้ยงไก่แห่งแรกของโลก พิกัด 'บ้านโนนวัด' ประเทศไทย ราว 3,500 ปีก่อน

ปัจจุบัน ไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่ถือเป็นอาหารที่มีสำคัญต่อประชากรโลก และมีการเลี้ยงไก่กันแพร่หลายทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากการนำไก่ป่ามาเลี้ยง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการถกเถียงถึงแหล่งกำเนิดพื้นที่การเลี้ยงไก่มาเป็นเวลานาน ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และจีนเหนือ ซึ่งได้มีการเสนอว่าเป็นแหล่งกำเนิด โดยเริ่มต้นในช่วงราว 4,000 ปี - 10,500 ปีก่อน 

อย่างไรก็ตาม สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (PNAS) ได้ตีพิมพ์งานวิจัย 'The biocultural origins and dispersal of domestic chickens' (6 มิถุนายน 2565) โดยเผยข้อมูลว่าพื้นที่ที่เลี้ยง 'ไก่บ้าน' เป็นที่แรกของโลกอยู่ที่บ้านโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา (เท่าที่พบหลักฐาน ณ ตอนนี้)

งานวิจัยของ PNAS ได้เผยหลักฐานถึงจุดแหล่งกำเนิดการเลี้ยงไก่บ้าน โดยได้ทำการวิเคราะห์ซากไก่ในพื้นที่โบราณ 600 แห่ง 89 ประเทศ ซึ่งกระดูกไก่ชิ้นแรกที่เป็นไก่บ้านไม่ใช่ไก่ป่า พบที่บ้านโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยมีอายุระหว่าง 1,650-1,250 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตรงกับยุคหินใหม่ หรือเมื่อราว 3,500 ปีก่อน ในยุคสัมฤทธิ์ 

ก่อนหน้านี้มีการศึกษาจุดกำเนิดของไก่ในช่วงก่อนหน้า โดยอ้างว่า มีการค้นพบกระดูกสัตว์ปีกคล้ายไก่เก่าแก่ในหลายพื้นที่ อาทิ การค้นพบกระดูกสัตว์ปีกที่คาดว่าอาจเป็นไก่ ในประเทศจีน อายุประมาณ 6,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่ภายหลังก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นไก่ฟ้า (Pheasants) หรือแม้แต่การค้นพบกระดูกสัตว์ปีกที่ฮารัปปาในลุ่มแม่น้ำสินธุ อายุประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่เมื่อนำมาจำแนกทางพันธุกรรมแล้วมีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ไก่ป่า ตระกูลไก่ป่าแดง (Red forestflow) มากกว่าจะเป็นสายพันธุ์ไก่บ้านแบบในปัจจุบัน

หากแต่ผลการวิจัยชิ้นนี้ของ PNAS ที่บ้านโนนวัด ซึ่งระบุว่าเป็นต้นกำเนิดของการเลี้ยงไก่บ้านนั้น พบว่า มนุษย์ในสมัยก่อนได้ฝังกระดูกไก่ ซึ่งอยู่ในวงศ์ Gallus (สายพันธุ์เดียวกับไก่บ้านในปัจจุบัน) จำนวนมาก รวมกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เช่น หมู สุนัข และวัว ในฐานะสิ่งของฝังไปพร้อมกับผู้ตายในยุคนั้น ลักษณะดังกล่าวเป็นหลักฐานที่หนักแน่นชี้ว่า สัตว์ปีกเหล่านี้เป็น 'ไก่เลี้ยง' ไม่ใช่ 'ไก่ป่า'

ฉะนั้นเพื่อตามรอยการกำเนิดและแพร่กระจายของไก่ ทางคณะวิจัยจึงได้ศึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากกระดูกไก่ที่ค้นพบ โดยเทียบเคียงข้อมูลจากสภาพภูมิอากาศ และศึกษาพัฒนาการของอารยธรรมมนุษย์ในด้านการเกษตรกรรม

โดยสภาพภูมิอากาศและปริมาณน้ำฝน คือ ตัวชี้วัดที่สำคัญ ซึ่งพบว่า ในบริเวณเขตป่าฝนกึ่งร้อนชื้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอื้อต่อการดำรงชีวิตของไก่ป่าที่ชอบความร้อน ขณะที่ความสัมพันธ์ของการปลูกข้าวและธัญพืชกับพฤติกรรมของไก่ป่าก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไม่น่าเชื่อ โดยผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่า การทำเกษตรกรรมและการเก็บรักษาธัญพืชช่วยดึงดูดไก่ป่าให้เข้ามาในพื้นที่ของมนุษย์

ไก่ป่านั้นจะเติบโตในได้ดีในพื้นที่ที่ลักษณะทุ่งรกร้าง เป็นทุ่งกว้าง หรือพื้นที่ที่เป็นไม้พุ่มเตี้ย ครั้นเมื่อมนุษย์บุกเบิกการเกษตรกรรม มีการถางป่าเพื่อเปิดพื้นที่ปลูกข้าวขึ้นใหม่ จึงเปลี่ยนสภาพป่ารกชัฏให้เป็นทุ่งปลูกข้าว การปลูกข้าวก็จะมีเศษข้าว ข้าวฟ่าง ธัญพืช หรือผลผลิตจากการเกษตรอื่นๆ หลงเหลือ รวมถึงเศษอาหารจากการเลี้ยงปศุสัตว์ เช่น หมู หรือวัว เหล่านี้จึงดึงดูดไก่ป่าให้เข้าใกล้สังคมมนุษย์มากขึ้น

การเลี้ยงไก่จึงเกิดขึ้นพร้อมกับการขยายตัวและเติบโตของสังคมมนุษย์ในยุคหินใหม่ โดยเชื่อว่า กลุ่มคนที่มีความรู้ด้านเกษตรกรรมที่เริ่มโยกย้ายถิ่นฐานจากหุบเขาแยงซีในแถบตอนใต้ของจีนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ใหม่แห่งนั้นพร้อมกับนำเทคโนโลยีการปลูกข้าวไปด้วย

เมื่อมีการปลูกข้าวทำนา ความอุดมสมบูรณ์ของธัญพืชภายในถิ่นฐานของมนุษย์ จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อการเลือกถิ่นฐานของไก่ป่าในแหล่งนั้นๆ 

ฉะนั้น การเพาะปลูกข้าวและธัญพืชของมนุษย์ จึงอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับไก่ป่า ที่เปลี่ยนจาก 'ไก่ป่า' สู่ 'ไก่บ้าน' จนเกิดกระบวนการเลี้ยงไก่ แล้วค่อยๆ แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน Antiguity ก็ระบุด้วยว่า ไก่บ้านมาถึงยุโรป ในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อราว 2,800 ปีก่อน และปรากฏในแอฟริกาเมื่อ 1,100 - 800 ปีก่อน


ที่มา : https://www.silpa-mag.com/history/article_87971

อ้างอิง: PNAS. (2022). The biocultural origins and dispersal of domestic chickens. เข้าถึงได้จาก https://www.pnas.org/doi/10.1073/pnas.2121978119

https://www.facebook.com/environman.th/posts/4882696225192119