บิ๊กเซอร์ไพรส์!! ประชุมใหญ่ ‘พรรคกล้า’ เปิดตัว ‘กอร์ปศักดิ์’ อดีตรองนายกฯสมัย ‘มาร์ค’ นั่งประธานยุทธศาสตร์ฯ ด้าน ‘กรณ์’ เสนอ 4 แนวทาง ฟื้นเศรษฐกิจ แก้วิกฤตปากท้อง หลังโควิด ลั่นพรรคกล้าประชาชนต้องมาก่อน
เมื่อวันที่ 30 เม.ย.เวลา 09.30 น. ที่ ห้องวายุภักษ์ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราบาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ พรรคกล้า ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิกาพรรคกล้า และสมาชิกพรรคเข้าร่วมงาน โดยไฮไลน์การประชุมครั้งนี้ได้มีการเปิดตัวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้า
โดยนายกรณ์ กล่าวในหัวข้อ ฟื้นเศรษฐกิจ แก้วิกฤตปากท้องว่า ในการประชุมครั้งนี้เท่ากับเวลาที่เราได้มาทำงานครอบ2ปีพอดี ซึ่งเป็น2ปีที่ประชาชนมีความเดือดร้อนหนักหนาสาหัส เพราะประสบกับสถานการณ์โควิด และปัญหาทางเศรษฐกิจ และที่หนักที่สุดที่ทำให้ประชาชนคนไทยมีความทุกข์มากที่สุดคือการที่เขามองไม่เห็นอนาคตว่าจะดีขึ้นเมื่อไหร่ ได้อย่างไร พรรคกล้าเราตั้งใจเสนอว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างโอกาสสร้างรายได้ เราต้องชัดเจนว่าจะสร้างกลับคืนมาให้ประชาชนได้อย่าไร
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า โดยพรรคกล้าขอเสนอ 4 แนวทางและการสร้างรายได้ สร้างโอกาส คือ 1.สร้างอุตสาหกรรมใหม่ จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ ที่เรียกว่ากล้า Green Deal, 2.ยกเลิกสิ่งที่อยู่ใต้ดินให้มาอยู่บนดิน สิ่งที่อยู่ในที่มืดมาอยู่ในแสงสว่าง เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้รัฐบาล โดยเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี, 3. ผลักดันเศรษฐกิจดิจิตอล สร้างช่องทางการค้าขายออนไลน์ให้กับประชาชน และ4. การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งทั้ง 4 แนวทางหลักนี้ จะนำไปสู่แหล่งรายได้หลักของไทย แต่ทั้งหมดจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ มี 2 คำ คือเทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างได้ด้วยวิธีคิด และทัศนคติที่ปรับใหม่ ทั้งเรื่องการศึกษา ระบบราชการที่จะต้องปฏิรูปสู่เทคโนโลยี ถ้ายังไม่มีการปฏิรูประบบราชการจะกลายเป็นคอขวดและตัวถ่วงของประชาชนและภาคเอกชน ดังนั้นต้องปฏิรูปนำระบบราชการให้เข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่าง 100 เปอร์เซนต์ นำระบบราชการเข้าสู่โทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ความฝัน เพราะตอนนนี้คนไทย 30 กว่าล้านคนที่ให้แอปเป๋าตังค์
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการปครอง ต้องมีการกระจายอำนาจ หมดยุคการรวมศูนย์อำนาจแล้ว เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด สร้างวัฒนธรรมสตาร์ทอัพ พร้อมที่จะผิดพาด พร้อมที่จะเรียนรู้ และเปลี่นแปลงโดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่าถ้าในอนาตเรามีโอกาสทำเรื่องแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความครึกคัก ขวัญกำลังใจ ความหวังของประชาชนจะกลับมา เพราะเราอยู่ได้ด้วยความหวัง และความหวังต้องมาจากการที่ประชาชนสามารถมองเห็นผู้นำที่เชื่อใจ สนใจใส่ใจ เข้าใจแก้ปัญหาดร้อนของเขาได้อย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวพรรคกล้า และเป็นภารกิจของพรรคกล้า ที่จะต้องไม่ปล่อยให้ประชาชนมีความเชื่อว่าปัญหาที่เป็นอยู่มันแก้ไม่ได้ ทั้งปัญหาทุจริต ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาด้านการศึกษา ฝุ่น PM 2.5 ปัญหาการปฏิรูปตำรวจ ทั้งนี้แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข แต่ตนเชื่อว่าทุกเรื่องแก้ได้ โดยต้องอาศัยความกล้า นี่คือยุคของโอกาสนิยม ไม่ใช่ประชานิยม ต้องสร้างรายได้สร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน ทุนใหญ่ต้องโตได้ทุนเล็กต้องมีที่ยืน รัฐบาลต้องร่วมมือกับเอกชน
“ตลอด 2ปีที่ผ่านมาเราสัมผัสได้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะนำไปสู่คำตอบให้กับสังคม เราลงเลือกตั้งซ่อมหลายครั้งและเห็นว่าประชาชนให้โอกาสกับเรามากขึ้น และเราต้องทำงานอย่างหนักก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ภายในอีก 10 เดือนข้างนี้ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือการเมืองแบบใหม่ การเมืองที่มีความสร้างสรรค์ การเมืองที่ทำด้วยคนที่เป็นมืออาชีพ พวกเราจะไม่ป่าวประกาศในฐานะพรรคใหม่ว่าเราจะได้ ส.ส.กี่คน หรือจะแลนด์ไสลด์ เราจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้เราเป็นพรรคใหม่ยังมีการบ้านที่ต้องทำอีกมาก แต่ที่อยากจะบอกคือเราพร้อมทำงานหนัก พร้อมรับฟังประชาชน และพร้อมที่จะเสียสละ และสำหรับพรรคกล้าประชาชนต้องมาก่อน” นายกรณ์กล่าว
จากนั้นนายกรณ์ ได้เปิดตัวคณะกรรมการเศรษฐกิจ โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ จะเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะประธานยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคฯ โดยมีตน และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคฯ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจต่อไป ส่วนนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ฯ ดูแลเรื่องเศรษฐกิจคนตัวเล็ก และนายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษานาคารแห่งประเทศไทย มาเป็นที่ปรึกษานโยบายด้านเทคโนโลยีเพื่อเศรษฐกิจดิจิตอล ของพรรคฯ มาช่วยงานด้านเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งยังมี ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และอดีตคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ จะเข้ามาดูแลงานด้านท่องเที่ยว โดยเฉพาะเศรษฐกิจท่องเที่ยวภาคล้านนา
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา เรามีสมาชิก 24,000 คนแล้ว มีการตั้งตัวแทนพรรค และสาขาพรรคแล้ว 89 แห่ง สิ่งที่พวกเราทำให้หลายพรรคสงสัยได้คือตัวเลขผู้เสียภาษี ซึ่งพรรคกล้ามีรายได้จากการบริจาคภาษีเป็นลำดับ 3 ของประเทศ การเดินทางของพรรคกล้าจนถึงวันนี้เราเดินมาด้วยหัวใจ แม้พรรคเราจะเล็กแต่ใจเราใหญ่ ส่วนในมุมเศรษฐกิจขณะนี้หนี้ทุกอย่างมันจุก หนี้เต็ม ดังนั้นสิ่งเดียวที่ประเทศจะไปได้ก็คือการสร้างรายได้ แต่รัฐนี้มีความพร้อมหรือไม่ในการสร้างรายได้ หากระบบราชการเรายังไม่ตอบโจทย์โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่และการสร้างรายได้แบบใหม่ หัวใจสำคัญรัฐและเอกชนต้องอยู่ในฐานะหุ้นส่วน
ขณะที่นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้เรากำลังเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจ โดยต้องอาศัยเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็กซึ่งมีพื้นฐานจากเศรษฐกิจพอเพียง ที่เน้นเรื่องการพึ่งพาตัวเอง และการลดความเสี่ยง โดยเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ต้องสร้างโอกาส ติดอาวุธเรื่องความรู้และทุน และการให้แต้มต่อคนตัวเล็ก เพื่อให้การแข่งขันเป็นธรรม โดยใช้โมเดลการค้าขายออนไลน์เหมือนที่จีนเคยทำประสบความสำเร็จมาแล้ว วันนี้ตนเชื่อว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคที่โควิดเริ่มซา รัฐบาลควรหนุนเรื่องการท่องเที่ยว แต่ต้องเปลี่ยนรูปแบบ เพราะมีการท่องเที่ยวอีกหลายรูปแบบที่เราไม่เคยผลักดัน อาทิ ท่องเที่ยวเชิงชอปปิ้ง การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม และการท่องเที่ยวสายมู เรื่องเครื่องรางของขลัง เป็นต้น นอกจากนั้นประเทศไทยยังได้เปรียบเรื่องอุตสาหกรรมอาหาร ที่เปลี่ยนเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการเกษตร โดยต้องเริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ไปหาตลาดก่อนว่าจะจะส่งออกไปประเทศไหน และเขาต้องการอะไร แล้วไปหารือกับกระทรวงเกษตรฯว่าเราจะปลูกอะไร หากทำแบบนี้ได้เกษตรไทยก็ไปได้ ส่วนเรื่องซอฟพาวเวอร์เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว พรรคกล้าต้องการสร้างโอกาสนิยม ทำให้ทุกคนเป็นเศรษฐีใหม่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเติบโต แข็งแรง และยั่งยืน