“อนุทิน” ลงพื้นที่ “พัทลุง” ปลุกประชาชน ผู้ประกอบการ เตรียมความพร้อม รับปลดล็อกกัญชา 9 มิ.ย. มั่นใจเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่

ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง จ.พัทลุง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 12 พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “กัญชา กัญชงไทย ความมั่นคงทางสุขภาพ และเศรษฐกิจของชาติ” โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ เอกชน อสม. และประชาชนเข้าร่วมงาน

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า หลังการปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน ที่จะให้ประชาชนปลูกกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ต่อยอดเศรษฐกิจในครัวเรือนได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ทำให้เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้ ในระดับครัวเรือนและประเทศ ทั้งนี้ กว่าเราจะเปลี่ยนกัญชาจากสีดำให้กลายเป็นสีขาวได้ ต้องใช้เวลา และความทุ่มเทกันอย่างหนัก จากทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน จึงขอให้ใช้กัญชากันอย่างระมัดระวัง ให้เกิดประโยชน์ และอย่านำกัญชากลับไปสู่เส้นทางที่ผิด 

“วันที่ 9 มิ.ย.นี้ กัญชาจะพ้นจากความเป็นยาเสพติด ระหว่างนี้ได้มีการออกกฎ และวางกรอบ เพื่อดูแลการใช้ ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อม เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.มาถึง ประชาชน และผู้ประกอบการ จะสามารถนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นพืชครัวเรือน ปลูกเป็นยาสมุนไพร ไปจนถึงการเป็นพืชเศรษฐกิจปลูกกันในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งหากจะปลูกเชิงอุตสาหกรรมต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่หากจะปลูกในครัวเรือน สามารถจดแจ้งได้ และไม่ได้จำกัดเพียงแค่ 6 ต้น แต่ปลูกมากกว่านั้นได้ แต่ขอให้ใช้กันในครัวเรือน” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเขตสุขภาพที่ 12 ประกอบด้วย จ.พัทลุง ตรัง สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยทุกจังหวัดมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการผลิตยาจากกัญชา และผลิตภัณฑ์สมุนไพร สามารถเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลภาครัฐ และคลินิกกัญชาทางการแพทย์ภาคเอกชน รวม 97 แห่ง ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาทั้งแผนไทย และแผนปัจจุบัน โดยในปี 64 มีผู้เข้ารับบริการในคลินิกกัญชาทางการแพทย์กว่า 7,000 คน และรับยากัญชากว่า 6,500 คน