เกษตรฯ เร่งพัฒนาเมล็ดพันธุ์ช่วยเกษตรกรรีบเพาะปลูก
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร ได้วางแผนการเตรียมความพร้อมด้านเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร โดยได้ดำเนินการพัฒนาและขยายเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม เพื่อเป็นการกระจายเมล็ดพันธุ์ดีสู่เกษตรกร ช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านเมล็ดพันธุ์ และเป็นการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร ให้เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้เองตรงตามคุณภาพมาตรฐานเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไว้ใช้เองหรือจำหน่ายในชุมชน
โดยคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพ จัดอบรมให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ และการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ โดยมีนักวิชาการเกษตรของกรมวิชาการเกษตรเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาให้เป็นเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์มืออาชีพ
ทั้งนี้ ในปี 2565 การพัฒนาและขยายเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ดำเนินการคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 ซึ่งเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตร จำนวน 5 กลุ่ม ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ ลพบุรี และอำนาจเจริญ มีเกษตรกรทั้งหมด 48 ราย พื้นที่ดำเนินการ 235 ไร่ โดยเกษตรกรได้ดำเนินการปลูกถั่วเขียวในฤดูแล้งแล้ว นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวในจังหวัดอุทัยธานีอีก 1 กลุ่ม โดยจะเริ่มปลูกในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 มีคุณสมบัติให้ผลผลิตสูง 232 กิโลกรัมต่อไร่ การสุกแก่ของฝักสม่ำเสมอใกล้เคียงกัน มีขนาดเมล็ดใหญ่ เหมาะสำหรับการเพาะถั่วงอก การแปรรูปเป็นวุ้นเส้น สามารถปลูกได้ทุกภาคของประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 5 ซึ่งเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตร มีลักษณะเด่น คือ ทนแล้ง ผลผลิตสูง 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคใบไหม้แผลใหญ่ และโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส เก็บเกี่ยวเร็วที่อายุ 95-100 วัน โดยได้ดำเนินการจัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 5 และจัดทำแปลงต้นแบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ โดยตั้งเป้าหมายให้สมาชิกภายกลุ่มเกษตรกรนำร่องนำเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 5 ผลิตในพื้นที่ 100 ไร่ ภายใน 4 จังหวัดเป้าหมายดังกล่าว