"วิโรจน์" ลุยหาเสียงอนุสาวรีย์ชัยฯ ชู นโยบายตั๋วคนเมือง-เพิ่มสายรถเมล์ในพื้นที่รถน้อย-ปรับปรุงกล้องวงจรไฟส่องสว่าง เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้หญิง แนะ รัฐบาลเตรียมรับมือโควิดหลังสงกรานต์

ที่​บริเวณ​อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ​ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่ากทม.​ หมายเลข 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายเอกกวิน โชคประสพรวย ผู้สมัคร ส.ก.เขตราชเทวี หมายเลข 1  นายกัณตภณ ดวงอัมพร ผู้สมัครส.ก.เขตดินแดง หมายเลข 5 นายพีรพล กนกวลัย ผู้สมัครส.ก.เขตพญาไท หมายเลข 7 ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ​ และพ่อค้าแม่ค้า 

โดยนายวิโรจน์ กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงหลังสงกรานต์ที่อาจจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า คงใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามปกติ แต่ขอฝากถึงรัฐบาลว่า เป้าหมายสูงสุดคือการฉีดวัคซีน การเตรียมความพร้อมในเรื่องของยารักษา และการรักษาผู้ป่วย ประชาชนต้องการฉีดวัคซีนเพื่อคืนชีวิตปกติ รัฐบาลจะต้องมีกลยุทธ์ที่จะเปิดเมือง เปิดเทศกาล เปิดชีวิตที่ปกติให้กับประชาชนให้ได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อคนติดโควิด จะคิดเรื่องการรักษา จึงต้องเตรียมรองรับให้พร้อม เพื่อให้ประชาชนรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยต่อชีวิต 

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่มีประชาชนมาใช้บริการชนส่งสาธารณะค่อนข้างมาก ตนมองว่าควรมีการอำนวยความสะดวกเรื่องความสะอาดและการจัดระเบียบ ส่วนเรื่องรถขนส่งสาธารณะที่น่าจะต้องปรับปรุงคือพื้นที่ที่รถเมล์ยังเข้าไม่ถึง เช่น เขตคลองสามวา ที่มีรถเมล์ไม่กี่สายที่ผ่าน กทม.ต้องดูว่ามีเอกชนเข้าไปเดินรถและทำตั๋วคนเมืองที่ทำให้ประชาชนจ่ายค่าบริการได้ถูกลง แต่ถ้าหากไม่มีบริษัทเดินรถจริงๆ ก็ต้องเป็นบทบาทของกรุงเทพธนาคม ที่จะต้องขออนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อวิ่งรถเมล์ในราคาที่ถูกและดีและประชาชนเข้าถึงได้

นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวนโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้หญิง สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือ กล้องวงจรปิดและไฟส่องสว่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้างหรืออุปกรณ์ แต่คือความเป็นธรรมที่ทุกเพศทุกวัยต้องเข้าถึงหลักฐานในการปกป้องสิทธิของตนเองได้ ไม่ใช่แค่คนมีเงินที่จะเข้าถึงข้อมูลจากกล้องวงจรปิดได้รวดเร็ว แต่ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้รวดเร็วเช่นกัน  และสิ่งที่สำคัญที่สุดในสังคมนี้ต้องร่วมกันคือเลิกที่จะต่อว่าเหยื่อ และต้องร่วมกันปกป้องเหยื่อ