'คนสวนหลวง' ร้อง ‘เพื่อไทย’ รัฐละเลยปัญหาความเดือดร้อน ปล่อยขยะในลำคลองเน่าเหม็น น้ำรอระบาย ไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชนยังขาดแคลน

วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก., ดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก., ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ธกร เลาหพงศ์ชนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และ ปิยะวรรณ จระกา ผู้สมัคร ส.ก. เขตสวนหลวง เบอร์ 1 ร่วมลงพื้นที่ชุมชนโมราวรรณ1 ซอยอ่อนนุช 49 เขตสวนหลวง พบปะรับฟังพี่น้องประชาชนในงาน ‘สวนหลวงพูด เพื่อไทยฟัง’

งานนี้มีแกนนำและชาวบ้านในชุมชนโมราวรรณ1, ชุมชนหมู่บ้านฮอลีวู้ด, ชุมชนภูมิสุข และชุมชนอื่น ล้อมวงคุยนโยบายเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ก. โดยมีตัวแทนของพรรคเพื่อไทยรับฟังความคิดเห็น ตอบคำถามและรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปีของพรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน ชาวสวนหลวงได้ร้องเรียนกับพรรคเพื่อไทย ถึงปัญหาการกำจัดขยะทั้งในชุมชนและในคลองพระโขนง ซึ่งอยู่ติดกับชุมชน เนื่องจากหน่วยงานเกี่ยวข้องมาเก็บขยะเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ทำให้เกิดปัญหาขยะหมักหมมก่อให้เกิดเชื้อโรค พร้อมร้องเรียนปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชนยามค่ำคืน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการสนใจแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเสนอขอให้มีภาครัฐควรมีอินเทอร์เน็ตฟรีให้ประชาชน เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ลูกหลานในชุมชนต้องเรียนออนไลน์ ผู้ปกครองต้องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 500-1,000 บาท

วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ก.คราวนี้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายประชาธิปไตยกินได้ คือนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายการกระจายอำนาจจากส่วนกลาง กระจายการตัดสินใจโครงการ และกระจายทรัพยากรคืองบประมาณไปสู่ชุมชน เนื่องจากที่ผ่านมา งบประมาณแต่ละปีจะกระจุกตัวอยู่ที่ผู้บริหาร ไม่รู้ว่าผู้บริหารเอาเงินไปทำอะไร พอมีปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้เงิน ผู้บริหาร กทม.ไม่สามารถนำงบประมาณไปตอบสนองแก้ไขปัญหาให้พี่น้องอย่างทันท่วงที เราจึงมีนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท เพื่อให้ชุมชนสามารถตัดสินใจใช้จ่ายเงินเพื่อใช้พัฒนาชุมชนได้อย่างมีประโยชน์มีประสิทธิภาพและทันท่วงทีต่อสถานการณ์

ดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก. กล่าวว่า คนกรุงเทพฯ ห่างหายไปจากการเลือกตั้งผู้แทน ทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติ วันนี้คนที่ทำงานในระดับท้องถิ่นคือ ส.ข. หรือสมาชิกสภาเขต ไม่มีตำแหน่งนี้แล้ว มีแต่ตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ที่มีความสำคัญเพราะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ ถ่วงดุล อนุมัติงบประมาณที่จะต้องใช้ใน กทม. มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ในอดีตเราไม่เคยตรวจสอบได้ วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงได้คัดเลือกผู้สมัครมีคุณภาพอย่างคุณปิยะวรรณ จระกา มาให้พี่น้องได้เลือกเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ส.ก. เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างเข้มข้น เพื่อให้พี่น้องได้รับประโยชน์จากงบประมาณ กทม. สูงสุด

นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. กล่าวว่า การมารับฟังปัญหาจากพี่น้องอย่างใกล้ชิด เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจและเข้าถึงปัญหาของพี่น้องอย่างถึงแก่น และนำเอาปัญหาของพี่น้องไปคิดและทำนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เหมือนในวันนี้ที่พี่น้องเสนอให้รัฐควรมีนโยบายอินเทอร์เน็ตฟรี เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ แต่นักเรียนและผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าอินเทอร์เน็ตราคาแพงเพื่อให้ลูกใช้ช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา นี่คือประโยชนจากการได้มารับฟังพี่น้องถึงชุมชน ทำให้เราเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ และจะนำไปทำเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องได้อย่างแท้จริง

ปิยะวรรณ จระกา ผู้สมัคร ส.ก. เขตสวนหลวง เบอร์ 1 กล่าวว่า เกิด เรียน และเติบโตในเขตสวนหลวง เห็นปัญหาอยู่ต่อหน้าทุกวัน เห็นปัญหาของพี่น้องในชุมชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะตนเองเห็นปัญหาจึงอยากขออาสาเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องเข้ามาแก้ไขปัญหาให้พี่น้อง โดยตนเองอยากแก้ไขปัญหาสาธารณูปโภค ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสาธารณสุข เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาเราเห็นปัญหาว่าควรต้องมีการเพิ่มโรงพยาบาลชุมชนเพื่อดูแลพี่น้องในยามเจ็บป่วย


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=553469519482035&id=100044569743646