"อนุทิน" นำทัพภูมิใจไทยจัดงาน "ก้าวขึ้นปีที่14" ชื่นมื่น พรรคร่วมรบ.หอบกระเช้าร่วมยินดี แต่ไร้เงา "พปชร." ลั่น พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ยัน ส่ง ส.ส.ครบทุกพื้นที่ ขอโอกาสเป็นรัฐบาลอีกครั้งสานต่อนโยบาย "พูดแล้วทำ"

ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานจัดงานทำบุญพรรคภูมิใจไทย "ก้าวสู่ปีที่ 14" โดยมีกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี และส.ส. รวมถึงสมาชิกพรรค เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียงแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ ทรงศรี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยมีการจัดพิธีทางศาสนาทั้งพิธีสงฆ์ และพิธีทางศาสนาอิสลาม เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยผู้ที่มาร่วมงานทุกคนต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยเอทีเคก่อนเข้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีตัวแทนพรรคการเมือง เช่น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา นายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย อีกทั้งยังมีตัวแทนภาคเอกชนนักธุรกิจ นำกระเช้าดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีด้วย ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่พบตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วมยินดีแต่อย่างใด

จากนั้นเวลา 11.00 น.  นายอนุทิน ได้เป็นประธานแถลงข่าวคิกออฟการเปิดรับสมัครผู้สนใจเสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ผ่านทางเว็บไซต์ระบบออนไลน์ของพรรค

โดยนายอนุทิน แถลงว่า พรรคภูมิใจไทยเริ่มเข้าสู่วัยทีนเอจในปีที่13 เข้าสู่ปีที่ 14 ซึ่งเราเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับใช้ชาติและประชาชน ท่ามกลางเหตุการณ์มากมายและคำสบประมาท คำปรามาส ด้อยค่ามากมายในช่วงที่เราตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ๆท่ามกลางการด้อยค่าทั้งหลาย แต่ทุกคนในพรรคก็ร่วมต่อสู้ไม่ท้อถอย สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราจะต้องทำเพื่อประโยชน์ให้บ้านเมือง ประชาชน สุดความสามารถ เราเริ่มจากเจตนารมณ์แรกคือการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เราก็ยังมุ่งมั่นในเจตนารมณ์นี้อยู่ เราจะไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่ จาบจ้วงสถาบันฯ จากนั้นก็มาที่เจตนารมณ์ประชานิยมสังคมเป็นสุข ต่อด้วยสงบ สันติ สามัคคี ที่ทุกคนเห็นว่าไม่มีวินาทีไหนที่พรรคจะแปรผันไปจากเจตนารมณ์หรือนโยบายพรรคที่เราร่วมกันทำมา จนการเลือกตั้งล่าสุดปี 2562 เราเดินหน้านโยบาย เพื่อปากท้องประชาชน ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน และได้รับความไว้ใจเชื่อมั่นจากประชาชน เลือกให้พรรคมีส.ส.ในจำนวนที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้

“ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีความแข็งแกร่ง เข้มแข็ง มีพลังเพียงพอที่จะผลักดันทุกนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนได้ 3 ปีที่ผ่านมาเราพูดแล้วทำ จากนี้เราเป็นพรรคหนึ่งที่จะทำประโยชน์ให้ประชาชน โดยใช้ผลงานสร้างความมั่นใจ พร้อมให้ประชาชนพิสูจน์แล้ว ไม่ว่ารัฐบาลจะมีความมั่นคง หรือมีอุปสรรคใด ไม่ว่าสภาฯ จะมีสิ่งใดๆ เกิดขึ้น แต่สภาฯ ชุดนี้ก็จะครบวาระในวันที่ 22 มี.ค.2566 ครบ 4 ปี เราทำงานมาเข้าปีที่ 4 แล้ว เราจะไม่พูดว่าสภาฯ หรือรัฐบาลเป็นอย่างไร เรามีหน้าที่ทำงาน  พูดแล้วต้องทำให้เกิดผลสำเร็จกับประชาชน ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ ต้องทำให้สำเร็จ อีก 11 เดือนต่อจากนี้คงไม่ลากไปนานกว่านี้แล้วก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เราก็พร้อมขับเคลื่อนนโยบายคู่ขนานไป” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายทางการเมืองจากนี้ไป เราต้องใช้ผลงานที่เรามีเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยใช้คนที่เข้าใจวิถีชีวิตประชาชน กล้าพูด กล้าทำ และกล้ารับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพื่อให้เราได้สานงานที่ทำมาแล้วไปสู่จุดที่สมบูรณ์ที่สุด รวมถึงเพิ่มสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในนโยบายโครงการต่างๆ ยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับทุกภูมิภาค แม้เราไม่ส่งผู้ว่าฯ กทม. แต่เราส่งส.ส.กทม.แน่นอน รวมถึงส่งส.ก.ด้วย ในจำนวนที่เรามี ส.ส.กทม.อยู่ 4 ราย ก็คือส่งส.ก.จำนวน 4 เขต ได้แก่ เขตจอมทอง ธนบุรี เขตสวนหลวง และเขตประเวศ ในนามกลุ่มภูมิใจไทย เพื่อเป็นปากเสียงให้ประชาชน ขณะที่การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทย จะส่งส.ส.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนที่เคยทำมา โดยเน้นไปที่พื้นที่ที่เรามีความแข็งแกร่ง พร้อมทั้งมีการเปิดเว็บไซต์ เพื่อเปิดให้ผู้ที่สนใจมาสมัครเป็นส.ส.ของพรรค หากใครคิดว่ามีความสามารถ ทุ่มเท พร้อมรับใช้บ้านเมือง และประชาชน ก็สามารถสมัครเข้ามาได้ทันที จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเป็นผู้แทนฯ ของพรรคภูมิใจไทย

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการประเมินตัวเลขส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า พรรคจะส่งผู้สมัครให้มากที่สุด คือ ครบทั้งระบบแบ่งเขต 400 คน และระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ขณะนี้เรามีจำนวนผู้สมัครเกินกว่า 200 เขตแล้ว ทั้งนี้พรรคยังเปิดกว้างให้ประชาชนที่มีคุณสมบัติ ลงรับสมัครส.ส. และเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของพรรค โดยเฉพาะการพูดแล้วทำ ก็ขอให้มาร่วมลงสมัครในนามพรรค ทั้งมาสมัครได้ที่ที่ทำการพรรค และเว็บไซต์ของพรรค ยืนยันว่าไม่มีการปิดกั้น ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ส่วนจะตั้งเป้าให้ได้จำนวนที่นั่งส.ส.เท่าไหร่นั้น พรรคก็คาดหวังว่าจะให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งหมดอยู่ที่ฉันทานุมัติจากประชาชนเป็นผู้ตัดสิน