“แรมโบ้” ถก อนุกรรมการฯแก้หวยแพง เล็งตั้งคกก. คัดกรองโควตาสลากฯ จ่อ ดึงผู้ค้าออนไลน์เข้าระบบมีใบอนุญาต ใช้กฎหมาย ฟัน ผู้ขายเกินราคา
ที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวก่อนการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ว่า การประชุมวันนี้มีตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ทั้งผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงมหาดไทย สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมหารือเพื่อกำหนดกรอบการแก้ปัญหา เตรียมเสนอต่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ในวันที่ 8 เม.ย. เวลา 13.00 น.ให้ความเห็นชอบ ก่อนจะเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกลาโหม รับทราบต่อไป
นายเสกสกล กล่าวว่า การหารือวันนี้จะให้ตกผลึกในการวางกรอบแนวทางดำเนินการควบคุม โดยจะพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในมาตราใดได้บ้าง หรือจะมีระเบียบข้อบังคับใด ออกมาควบคุม หากมีการขายสลากเกินราคา จะมีวิธีการดำเนินคดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา อย่างไร รวมถึงนำกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับการล้มละลาย มาบังคับใช้กับผู้ที่ทำผิดกฎหมายขายสลากเกินราคา รวมถึงจะหารือสาเหตุของการกระจายสลาก ที่ไม่สามารถควบคุมราคาได้ว่ามาจากอะไร ซึ่งเรามีข้อมูลอยู่แล้ว และจะนำมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ที่เรากำลังไล่จับ เอาเข้ามาอยู่ในกรอบให้มีใบอนุญาตให้ถูกต้อง ควบคุมให้อยู่ในกติกา มาช่วยกันบริการประชาชน จะได้หรือไม่
นายเสกสกล กล่าวว่า นอกจากนั้น จะพิจารณาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคัดกรองผู้ได้รับโควต้า ว่าได้รับโควตาจริงเท่าไหร่ มีผู้สวมรอยและโยกไปไว้ที่อื่นเท่าไหร่ และจะต้องพิจารณาผู้ได้รับโควต้า 24,000 ราย มีที่มาอย่างไร เกี่ยวกับการเมืองหรือเกี่ยวกับใครหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วไม่มีที่มาที่ไป จะต้องนำโควตาส่วนนี้กลับคืนมาให้กับคนจน รวมถึงคัดกรองผู้ค้ารายย่อยว่ามีการสวมสิทธิ มีชื่อผี เข้ามาหรือไม่ ส่วนโควตาที่ยังต้องคงไว้ เช่น มูลนิธิสายใจไทย สภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นต้น
นายเสกสกล กล่าวว่า ทั้งนี้จะทำงานให้เร็วที่สุดเนื่องจากเวลามีน้อย และต้องดูข้อกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินงาน โดยจะต้องปรึกษากับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าสามารถ ออกเป็นพระราชกำหนด ขึ้นมาบังคับใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้มีผลกระทบกับประชาชนที่ถูกเอาเปรียบ