“บิ๊กตู่” มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ อสม.สาธารณสุข ดีเด่น “ชู” เป็นกลไกสำคัญแบ่งเบาภาระ ก่อนพบหมอประจำบ้าน “วอน” ช่วยสร้างการรับรู้ประชาชน หวั่นตกเป็นทาสตลาดอาหารเสริมออนไลน์ พร้อมฝากประชาสัมพันธ์งานรัฐบาลไปพร้อมกัน 

ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดีเด่น เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2565 สำหรับรางวัลที่ได้รับไปในครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะตัวเองแต่เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว บุตรหลาน ในการทำงานที่เสียสละและมีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในปัจจุบัน ทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยได้มีการวางรากฐานทางด้านระบบสาธารณสุขมาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง เห็นได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมโลกในปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถบริหารจัดการ ในการบริหารจัดการโรคระบาดในครั้งนี้ ซึ่งกลไกที่สำคัญที่สุดของเราคือ อสม. ที่ทำงานด้วยใจด้วยความรักโดยเฉพาะการรักคนไทยด้วยกันมีการเสียสละช่วยกันทำงาน สร้างความทึ่งให้กับต่างชาติ  ซึ่งประเทศไทยยินดีที่จะให้คำแนะนำกับประเทศต่างๆ เพราะประเทศที่มีรายได้น้อยซึ่งในอาเซียนก็ยังมีอยู่ก็อยากมี อสม. เหมือนกับไทย เพราะบางประเทศการสัญจรไปมาไม่เหมือนกับบ้านเราการเดินทางมีความยากลำบาก จึงต้องการที่จะมีบุคลากรดำเนินการในชั้นประฐมภูมิ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลักให้ได้มากที่สุดหรือบรรเทาความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้นเพราะถ้าปล่อยประละเลยไปก็จะเกิดความเจ็บปวดมากขึ้นจนกระทั่งถึงการเสียชีวิต

“อสม. ถือเป็นนักรบในด่านหน้าของเรา ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง อะไรที่จะสามารถดูแลได้รัฐบาลก็จะดูแลให้อย่างเต็มที่ โดยขอให้เข้าใจว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะดูแลได้มากยิ่งขึ้นในวันข้างหน้า วันนี้ขอให้ทำงานไปด้วยใจให้ผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปก่อน ผมยืนยันว่า จะดูแลให้ดีที่สุด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่เรามี อสม. ที่เข้มแข็งและทุ่มเท  องค์การอนามัยโลกเห็นพ้องและกล่าวชื่นชม ว่า อสม.ถือเป็นพลังสำคัญในการจัดการกับปัญหาทางด้านสุขภาพ ปัจจุบันแม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 มาเป็นเวลายาวนานเป็นปีๆ ที่ผ่านมา ก็ยังสร้างความเชื่อมั่นในระบบบริการสาธารณสุขของไทย บุคลากรด้านการแพทย์ และ อสม.ทุกคน ที่มีความพร้อมรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องยึดถือ คือความปลอดภัยของคนในชาติ ส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดีวิถีใหม่ รองรับการเปิดและพัฒนาประเทศในอนาคต รัฐบาลและตนได้วางนโยบายไว้หลายอย่างในการปฏิรูปประเทศเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างทัดเทียมและเข้มแข็งกับนานาประเทศ การเพิ่มรายได้จีดีพีของประเทศทั้งด้านการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในเศรษฐกิจใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ ในหลายพื้นที่ซึ่งทำให้เราเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจ เป็นประเทศที่เป็นเป้าหมายหลัก ในการลงทุน เพราะประเทศไทยมีความสงบสุขร่มเย็น มีการดูแลอย่างดียิ่งจากบุคลากรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เรามีคนที่มีจิตใจที่เปิดกว้าง เป็นเจ้าภาพที่ดีกริยามารยาทเรียบร้อย อาหารอร่อย มีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก เป็นทรัพยากรที่เรามีอยู่นอกเหนือจากทรัพยากรธรรมชาติเรายังมีทรัพยากรบุคคล ที่มีอัตลักษณ์และความงดงาม 

“ วันนี้ถ้าพูดถึงสัดส่วนการดูแลของแพทย์พยาบาลเมื่อเทียบกับสัดส่วนของประชาชนก็ยังอยู่ในจำนวนที่ไม่มากนัก แต่เรามี อสม.เข้ามาช่วย ลดภาระการไปโรงพยาบาล ขอฝากคำขอบคุณไปถึง อสม.ทั่วประเทศ รัฐบาลตระหนักถึงคุณค่าและความดีของทุกคน ที่เข้ามาทำงานด้วยจิตอาสา ทำให้เกิดความแข็งแกร่งในระบบปฐมภูมิของเรา วันนี้ต้องยอมรับว่าประชาชนเราเข้าไม่ถึงภาคบริการประชาชนเพราะเกิดความไม่เข้าใจไม่รู้ว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง จึงขอฝากหน้าที่นี้ไว้ด้วย ไหนๆ ก็ไปดูแลในเรื่องของโรค คนเจ็บป่วยอยู่แล้ว ก็ขอให้ทำหน้าที่เล่าและชี้แจงให้ประชาชนฟังว่า การเข้าถึงการบริการนั้นทำอย่างไร การใช้ระบบออนไลน์ของการบริการภาครัฐที่ไม่ต้องเดินทางหรือเป็นภาระ ขอให้ทำงานเพื่อสังคม

“ สิ่งที่สำคัญที่สุด อสม.ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกก่อนจะพบหมอประจำบ้าน หรือก่อนไปพบแพทย์  ไม่เช่นนั้นก็จะไปเปิดดูการค้าขายออนไลน์ บางอย่างก็อันตราย ทุกคนเปิดดูจากโซเชียลการขายออนไลน์ แล้วก็จะซื้อทั้งหมด ทั้งยาทั้งวัคซีน เสียค่าใช้จ่ายไปไม่ใช่เหตุ วิตามินเสริมขายเยอะ แต่รายได้น้อย ซื้อเยอะ เงินก็ไม่พอใช้ ขอไปฝากดูว่าปลอดภัยหรือไม่  เพราะบาวอย่างก็ไม่ผ่าน อ.ย,

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีงานใดที่จะสำเร็จด้วยคนเพียงคนเดียว นายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำงานสำเร็จได้ด้วยคนเดียวจะต้องเป็นทีมงานอย่างที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ ด้วยความรักความสามัคคี ความเห็นชอบร่วมกันในการทำงานซึ่งจะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบาย หลังการมอบรางวัลให้กับ อสม. นายกรัฐมนตรีมีน้ำเสียงคล้ายคนเป็นหวัด เสียงอู้อี้และไอกระแอมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด