ศบค. เตรียมแผนบริการวัคซีน'65 ครอบคลุม 70 ล้านคน จ่อ ฉีดไฟเซอร์ฝาสีส้มให้เด็ก5-11ปี ระดม ต่างชาติ ในพื้นที่สีฟ้าเข้าฉีด ระบุ ตรุษจีนนี้สธ. ออกมาตรการเข้ม
ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า แผนบริการ การให้วัคซีน ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงานเรื่องการบริหารวัคซีนที่ผ่านมาว่า เป็นไปตามเป้าหมายอย่างดี ครอบคลุม 72.1% ของประชากรทั้งหมด 69.6 ล้านคน หรือ 70 ล้านคน โดยประมาณ ซึ่งเป็นตัวเลขที่จะใช้ในการบริหารการฉีดวัคซีนในปี 2565 โดยการบริหารจัดการวัคซีนมุ่ง 4 แผน คือ 1.ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งเป็นวัคซีนโดสเด็ก(ฝาสีส้ม)จากบริษัทไฟเซอร์ 2. แผนรณรงค์เร่งรัดการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว โดยเป็นแผนการใช้วัคซีนเป็นเข็มกระตุ้น โดยต้องมีระยะเวลาห่างจากเข็มก่อนหน้านี้ 3 เดือน 3. แผนการส่งคืนวัคซีนไปให้กับสิงคโปร์ ภูฏาน ที่เรายืมมาก็จะส่งกลับคืนไป 4. การบริจาควัคซีนให้กับต่างประเทศ ซึ่งก็จะมีประเทศเพื่อนบ้าน ที่อยู่รอบประเทศไทยและประเทศที่อยู่ในแอฟริกา ผ่านโครงการแอฟริกันวัคซีนฯ ที่องค์การอนามัยโลกทำขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว จะมีการกระจายวัคซีนไปให้กับทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ซึ่งทุกคนอาจจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือคนต่างชาติที่อาจจะเห็นว่าเขาได้รับวัคซีน ก็ขอเรียนย้ำว่า เมื่อเขาปลอดภัยเราก็ปลอดภัย เช่นเดียวกับที่เราเคยได้เห็นภาพนักท่องเที่ยวไทยไปฉีดวัคซีนที่ต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทยเราก็ต้องดูแลเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 17 - 31 มกราคม 2565 และอาจจะขยายไปถึงเดือนกุมภาพันธ์
สำหรับเรื่องการนำเข้าแรงงาน3สัญชาติ ทางกระทรวงแรงงานรายงาน ให้ที่ประชุมทราบถึง แบบคำร้องที่ต้องการนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นมาตรการที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่าอย่าลักลอบเข้ามา ขอให้มาลงทะเบียนให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้มียื่นคำร้องขอมาแล้ว 7.4 หมื่นคำร้องแล้ว และออกหนังสือไปถึงประเทศต้นทางแล้ว 44,243 ใน กัมพูชา ลาว เมียนมา ทั้งนี้เพื่อให้มีแผนในการนำเข้าอย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญโดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงาน เนื่องจากมีความขาดแคลน ดังนั้นเพื่อลดการลักลอบการเข้าเมืองเราจะต้องมีมาตรการในการติดตาม โดยขอให้ฝ่ายความมั่นคง เปลี่ยน จากภาระที่จะต้องไปไล่จับ ให้เป็นพลังของเรา เพราะเป็นแรงงานที่จะต้องใช้ประโยชน์จากเขา นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแล อย่างละเอียดในระดับพื้นที่ และให้กระทรวงแรงงานดูความเหมาะสมถึงจำนวน มาตรการต่างๆ การติดตาม ซึ่งถ้ามีแอพพลิเคชั่นที่สามารถติดตามเพื่อประสงค์และป้องกันควบคุมโรคก็จะดี
นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณคณะกรรมการทุกคน ประชาชน เอกชน เพราะเมื่อเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้วนั่นคือสิ่งที่เราได้ทำงานมาร่วมกันทำให้ประสบความสำเร็จทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน นายกเน้นย้ำว่าการทำงานของศบค. ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า มีแผนเผชิญเหตุ และทุกภาคส่วนจะต้องร่วมดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ต้องมีบทบาท หากพบว่ากระทำผิดต้องถูกลงโทษ หากจะปิดกิจการหรือทำอะไรทั้งหลายจะต้องเข้มข้นและเข้มแข็งโดยที่สุด หากไม่สามารถทำได้เจ้าหน้าที่เองคงต้องพิจารณาบทลงโทษของเจ้าหน้าที่เองที่รับผิดชอบหรือย่อหย่อนในการรับผิดชอบนั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ2-3รอบ
นายกรัฐมนตรีให้บูรณาการเรื่อง สายด่วน เพื่อให้มีความพร้อมในการรับข้อร้องเรียนต่างๆ และเชื่อมโยงการบริการ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ให้ประชาชนได้รับบริการอย่างดีที่สุด ลดการรอคอย และที่สำคัญต้องชี้แจงให้ประชาชนให้เกิดความเข้าใจ เมื่อมีความเข้าใจก็จะเกิดการมีส่วนร่วมในการป้องกันทั้งส่วนตัวและสังคม
เทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ 28 มค.-3กพ. จะเป็นช่วงเวลาที่ ศบค. ให้กระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการในการควบคุมป้องกันโรค โควิด-19 สำหรับกิจกรรมในช่วงเทศกาลตรุษจีน อาทิ โควิดฟรีเซ็ตติ้ง ดูแลสถานที่ในการไหว้เจ้า ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือสถานที่สาธารณะ การจัดเตรียมของไหว้ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ศปก.ศบค. ศปม. ศบค.มท. จะได้ช่วยกันทำงานดังกล่าว ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ เพื่อเราจะได้ผ่านเทศกาลตรุษจีนไปได้ เป็นอย่างดี