'เท่าพิภพ' ซัด 'อัศวิน' สั่งเทเหล้าทิ้งหลัง 3 ทุ่ม จวก คิดได้แค่นี้ ไม่เหมาะเป็นผู้ว่า กทม.

จากกรณีที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจะต้องเป็นร้านที่ได้มาตรฐาน SHA และขายได้ถึงเวลา 21.00 น. เท่านั้น จะไม่มีการขยายเวลา หากดื่มไม่หมดก็เททิ้งไป

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลังจากได้เห็นคำสัมภาษณ์ของผู้ว่าฯ อัศวินแล้วรู้สึกสลดใจและเห็นใจคนกลางคืนเป็นอย่างยิ่ง ที่มีผู้ว่าฯ ซึ่งไม่สนใจและไม่เข้าใจธุรกิจกลางคืนหรือคนกลางคืนแม้แต่นิดเดียว สาเหตุอาจเพราะการไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นตำรวจมาทั้งชีวิตจึงเคยชินแต่การใช้คำสั่ง ถึงเวลาก็มีเงินเดือนมา ดีไม่ดีปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทงก็ไม่รู้ว่ามีกระเช้ามาให้ด้วยหรือเปล่า ชินกับการรับ กระทั่งตำแหน่งผู้ว่าฯ ก็รับมาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ ไม่ได้มาจากประชาชน จึงไม่เข้าใจปัญหาของคนทำมาหากินเลย

"การเปิดร้านแต่ละวันแต่ละคืน เจ้าของร้านและลูกจ้างต้องมีภาระมากแค่ไหนท่านรู้หรือไม่ สมัยผมทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านอาหารเวลาเริ่มงานคือ 16.00 น. - 01.00 น. คือ 9 ชั่วโมง ได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท ลองคิดดูถ้าเลิก 21.00 น. เวลาทำงานจะเหลือเพียง 5 ชั่วโมง รายได้ก็ต้องลดตามชั่วโมงงาน แต่ค่ารถมาทำงานยังเท่าเดิม มันคุ้มกับเขาหรือไม่ ยังไม่นับธุรกิจกลางคืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดก็ขาดรายได้มานาน

ในมุมของเจ้าของร้านยิ่งแล้วใหญ่ หากเปิดร้าน 16.00 น. กว่าจะมีลูกค้าเข้าจริงคือหลังเลิกงานก็ประมาณ 18.30 เป็นต้นไป แต่ประมาณ 2 ทุ่มก็ต้องบอกลูกค้าว่าจะสั่งเครื่องดื่มเป็นรอบสุดท้ายไหม ต้องหยุดก่อนสามทุ่ม ตกลงได้ขายจริงก็แค่ราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เปิดแบบนี้ก็เหมือนไม่เปิด เป็นนโยบายที่ไม่เข้าใจคนทำธุรกิจว่าวันสิ้นเดือนคือที่ตัดสินว่าตัวเขาและธุรกิจจะสิ้นใจหรือไม่"

เท่าพิภพ กล่าวอีกว่า เมื่อตัดสินใจเปิดเมือง เปิดเศรษฐกิจก็ต้องเปิดด้วยความเข้าใจไม่ใช่ความกลัว คิดว่าข้อเรียกร้องของสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยขอขยายเป็น 23.00 น. สามารถทำได้ซึ่งตนสนับสนุนมาตลอด และความจริงก็ควรเปิดเป็นเวลาปกติไปเลย เนื่องจากการควบคุมโรคระบาดปัญหาไม่ใช่เรื่องเวลา หรือเรื่องกลางวันหรือกลางคืน คิดแบบนั้นคือคุมคนไม่ใช่คุมโรค 

สิ่งที่ กทม. ต้องทำคือสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินตามมาตรการที่ออกมาจาก SHA ได้ ไม่ว่างบประมาณหรือเครื่องมือต่าง ๆ ต้องพร้อมเสริมให้เขา เช่น ชุดตรวจ ATK ราคาถูก หรืออื่น ๆ ไม่ใช่การบอกว่าจะส่งคนไปคอยเฝ้าตรวจทั้งกลางวันกลางคืนเหมือนคนเสียสติ จ้องแต่จะเล่นงานคนตัวเล็กตัวน้อย และสิ่งจะต้องปรับปรุงคงเป็นวิธีการลงทะเบียนที่เข้าถึงผู้ประกอบการทั่วไปมากขึ้น ควรมีการลงพื้นที่ไปช่วยเหลือลงทะเบียนไม่ใช่ลงพื้นที่ไปเพื่อปราบปรามอย่างเดียว

"ถ้ามองมุมกลับจากการผู้ว่าอัศวิน ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเครื่องดื่มเหลือหลัง 21.00 น. ให้กระดกให้หมดเลย ยิ่งถือว่าผิดหลักสากลด้านสุขภาพเพราะการดื่มสุราในปริมาณมาก ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ จะทำให้เกิดอันตรายมากกว่า มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วจากประเทศอังกฤษที่พยายามกำจัดเวลาการดื่มแอลกอฮอล์ในผับเพื่อลดปัญหาที่เกี่ยวเนื่องจากสุรา ปรากฏว่าปัญหาเพิ่มขึ้นชัดเจนเนื่องจากผู้ดื่มคิดว่ามีเวลาน้อยร้านจะปิดเลยดื่มในเวลาอันสั้นลง แม้ปริมาณน้อยกว่าเดิมแต่ก็เมามากกว่าเดิมเช่นกัน ทำให้ไม่ใช่วิธีที่ดีในการแก้ปัญหา"

เท่าพิภพ ยังย้ำอีกว่า อยากให้ผู้บริหารนโยบายประเทศนี้เลิกเสียทีกับการเอาการดื่มสุราในร้านอาหารหรือธุรกิจกลางคืนมาเป็นแพะรับบาปในการปัดความผิดพลาดจากการกำกับนโยบายสาธารณสุขของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารแผนวัคซีนหรือการตรวจเชิงรุกต่าง ๆ 

ส่วนการเปิดประเทศในครั้งนี้ ตนมองว่าจะล้มเหลวตั้งแต่ไม่เริ่ม เพราะธุรกิจกลางคืนคือสีสันของกรุงเทพฯ เป็นเอกลักษณ์ที่มีชื่อเสียงและสำคัญไม่แพ้วัดวังต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะมาสัมผัส ทั้งยังสร้างเงินและงานให้กับคนกรุงเทพจำนวนมาก 

"ผมจึงหวังว่า โอกาสที่คนกรุงเทพฯ ได้เลือกใหม่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เพราะหากวันหนึ่งวันใดที่เรามีผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้งได้ เชื่อว่าการออกนโยบายสำหรับเมืองมหานครและผู้คนในเมืองคงดีกว่านี้ และเมื่อวันนั้นมาถึง เราคงได้ดื่มหมดแก้วเพื่อฉลองกันในโอกาสที่ได้เห็นผู้ว่าอัศวินของคณะรัฐประหารกลับบ้านของท่านไป"