‘บิ๊กตู่’ วอน การเมืองเบาได้เบา โอดรัฐบาลมีปัญหาเพียบ แต่ไม่ท้อ โยนถามประชาชนเลือกใครเป็นผู้นำ หลังหลายพรรคเปิดตัว ‘แคนดิเดตนายกฯ’

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า เรื่องการเมืองขอให้เบาๆ หน่อยช่วงนี้ เพราะยังมีปัญหาอีกมากที่รัฐบาลต้องแก้ไข ซึ่งปัญหามาพร้อมกันหลายอย่าง อยากให้คำนึงถึงความยากง่ายในการแก้ไขปัญหาแต่ละอย่าง ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้า ซึ่งรัฐบาลพยายามมีมาตรการใหม่ๆ เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รวมถึงปัญหาระหว่างประเทศ เพราะประเทศไทยอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่ตรงกลาง ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ และเอกชน ต้องร่วมมือกัน

เมื่อถามว่านายกฯ เจอปัญหาจำนวนมากจะสู้ต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ท้อ ไม่มีท้อ”

เมื่อถามย้ำว่า หากในอนาคตมีเรื่องข้อกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาและอุปสรรคต้องมี เป็นสิ่งที่ผู้นำต้องแก้ไขปัญหา ไม่อย่างนั้นจะเป็นทำไมผู้นำ ส่วนจะแก้ได้มากได้น้อย ก็ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นบางเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กัน ก็ต้องดูข้อเท็จจริง จึงขอให้ฟังหน่วยงานที่ชี้แจงด้วย ถ้าเราอยู่กันอย่างไม่ไว้ใจกัน ก็ไปไม่ได้ และจะปั่นป่วนอลหม่าน เกิดความเสียหาย

เมื่อถามว่าแต่ละพรรคการเมืองเปิดตัวผู้นำที่จะมาชิงเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากรายชื่อทั้งหมดคิดว่าจะสู้ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถามประชาชน ถามคนเลือกสิจ๊ะ”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาน้ำมันพุ่งสูงว่า รัฐบาลเข้าใจถึงความเดือดร้อนของสมาคมขนส่งหรือสมาคมรถบรรทุก ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดูแลอย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่ 

ในช่วงที่ผ่านมาทุกรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการในเรื่องนี้มาตลอด โดยการเอากองทุนน้ำมันออกไปช่วย ซึ่งเราก็ช่วยมาตลอด ทั้งที่ความจริงแล้วราคาน้ำมันสูงมากกว่านี้ เราจะพยายามตรึงราคาให้ได้ลิตรละ 30 บาท ซึ่งในราคานี้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเดือนละประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท และสถานการณ์ปัจจุบันนี้ติดลบแล้วเราก็ต้องมาพิจารณาว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 

“เห็นใจผู้ประกอบการขนส่งทุกคน แต่ที่สำคัญต้องเข้าใจสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ยังมีความขัดแย้งในหลายส่วน หลายกลุ่มด้วยกัน สถานการณ์น้ำมันยังคงเป็นอย่างนี้อีกระยะ รัฐบาลพยามตรึงให้ได้ลิตรละ 30 บาท ปัจจุบันเรามีน้ำมันอยู่หลายประเภท เช่น บี 7, บี 10, บี 20 ซึ่งราคาต่างกัน เพราะมีส่วนผสมที่แตกต่าง โดยหากเราใช้เงินไปอุดหนุนราคาน้ำมันประเภทใดประเภทหนึ่งมากไป ก็จะทำให้น้ำมันอีกส่วนสูงขึ้น จะต้องดูตรงนี้ด้วย แต่เราก็จะคุมราคาน้ำมันดีเซลให้ได้ 30 บาทต่อลิตรก่อน” พล.อ.ประยุทธ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะทำอย่างไรให้กองทุนน้ำมันเกิดความคล่องตัว ต้องมาดูว่าหาเงินมาจากไหน เงินกู้จะกู้ได้หรือไม่ ถ้าได้จะได้เท่าไร สิ่งเหล่านี้นายกฯ ได้พิจารณามาตลอด และเตรียมพร้อมในเรื่องนี้

ส่วนการเรียกร้องให้ราคาน้ำมันลิตรละ 25 บาท นั่นก็ต้องดูต้นทุนเป็นอย่างไร เรื่องน้ำมันมีปัญหาเยอะมาก เพราะเราใช้น้ำมันภายในประเทศมาก ต้องยอมรับว่า บ้านเราเจริญเติบโต ถนนหนทางพอดี จึงมีการใช้น้ำมันเยอะ  

ส่วนที่มีคำถามว่า เพราะเหตุใดเราผลิตน้ำมันเองได้ แต่ราคายังแพงนั้น ก็ต้องเข้าใจว่าการผลิตน้ำมันภายในประเทศไทยไม่ถึง 20% ซึ่งบางส่วนก็เป็นน้ำมันคุณภาพต่ำ นำมาใช้ได้ไม่มาก ซึ่งส่วนนี้เราก็จะส่งออกไปขายต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศ แต่อันไหนที่ผลิตได้เองมีอยู่เพียง 10 กว่า% เท่านั้น

โดยไทยนำเข้าน้ำมันกว่า 80% ตามราคาน้ำมันโลกในส่วนนี้ก็จะมีภาษีในส่วนของกรมสรรพสามิต ซึ่งเราก็จะต้องไปดูอีกครั้งว่ารายได้ต่างๆ ที่ได้จากกรมสรรพสามิต ก็จะต้องนำมาดูแลในส่วนต่างๆ หากเราลดภาษีกรมสรรพสามิตมากไป ก็จะไม่มีเงินมาดูแลในส่วนต่างๆ ในประเทศ โดยในช่วงบ่ายวันนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย ถ้าจะมาพูดว่าน้ำมันแพงสมัยนี้สมัยโน้น ตนมองว่าต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วนทุกด้าน เพราะปัจจุบันราคาน้ำมัน โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก