“สงคราม” จี้ “บิ๊กตู่” เร่งออกมาตรการป้องโควิดสายพันธ์ุใหม่ อัดเปิดประเทศบนความไม่พร้อมหวั่นส่งผลกระทบกับประชาชนในประเทศ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเปิดประเทศ โดยจะเปิดพื้นที่กรุงเทพฯ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาข้อมูลให้รอบด้านประเทศไทยมีความพร้อมแล้วหรือไม่ และมีความเสี่ยงมากแค่ไหน มีการป้องกันประชาชนในประเทศหรือไม่
หลายประเทศที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ รัฐบาลในประเทศนั้นๆเขามีการฉีดวัคซีนป้องกันให้ประชากรในกระเทศได้ไม่น้อยกว่าร้อยล่ะ 90 แต่สำหรับประเทศไทย จนถึงวันนี้รัฐบาลฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบทั้งสองเข็มเพียง 13.3 ล้านคน จากทั้งหมด ที่ได้รับวัคซีน 41.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยล่ะ 19 ของประชากรทั้งประเทศ หากรัฐบาลเปิดเพื่อหารายได้ เพราะรัฐบาลหารายได้ทางอื่นไม่เป็น เกรงว่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า กรณีที่องค์การอนามัยโลก ยกระดับโควิด-19 สายพันธุ์ “มิว” ให้เป็นสายพันธุ์โควิด-19 ล่าสุด สายพันธุ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอันตรายได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้มีการตรวจพบในหลายประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป และล่าสุดพบในประเทศญี่ปุ่น รวมๆ กันแล้วมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก หนักสุดคือที่สหรัฐอเมริกา ที่แพร่กระจายไปมากกว่า 49 มลรัฐ
“ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศบค.ควรที่จะเร่งศึกษาและหาวิธีการรับมือไวรัสสายพันธ์ใหม่ ที่มีความร้ายแรงและอันตรายมากขึ้น หากไม่ทำอะไรเลยอาจส่งผลกระทบกับกับชีวิตประชาชนอย่างร้ายแรง ก่อนที่จะมีมาตราการเปิดประเทศ ทั้งนี้เพราะวัคซีนที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจใช้ไม่ได้ผลกับไวรัสสายพันธุ์นี้ รัฐบาลไม่ควรแก้ปัญหาแบบวิ่งตามปัญหา คือเกิดการแพร่ระบาดก่อนแล้วหาทางแก้ไข ส่งผลให้เกิดการระบาดจนยากเกินเยียวยา เพราะแค่สายพันธ์เดลต้าที่ระบาดในปัจจุบันก็ส่งผลให้ประชาชนติดเชื้อเกิน 1 ล้านคน เสียชีวิตป็นจำนวนมาก ถือว่าเลวร้ายมากแล้ว”นายสงคราม กล่าว