“สงคราม”ชี้ประชาชนเชื่อรัฐสั่งซื้อวัคซีนส่อทุจริต ชี้เลือกตั้งใช้เป็นบัตร 2 ใบสะท้อนความต้องการของประชาชน
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรณีที่ที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรการเกี่ยวกับการเลือกตั้งจากการเลือกตั้งในรูปแบบสัดส่วนผสม โดยบัตรใบเดียวที่ใช้การเลือกตั้งล่าสุด มาเป็นแบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดยเลือกคนและเลือกพรรค ตามสโลแกนเลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ใช่ ถือเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของที่เอาประชาชนเป็นจุดศูนย์กลาง
ทั้งนี้กรณีมีผู้วิจารณ์ว่าการแก้รัฐธรรมนูญไปใช้บัตร 2 ใบ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ นั้น เป็นการวิพากษฺวิจารณ์ที่เกินกว่าเหตุ ทั้งนี้การใช้รูปแบบบัตร 2 ใบทำให้ประชาชนมีสิทธิเลือก คนและพรรคแยกกัน ส่วงผลให้ระบบพรรคเข้มแข็งลดการต่อรองทางการเมือง เปิดทางคนเก่งเข้าสู่การเมืองเป็นส.ส. แบบบัญชีรายชื่อแยกคำนวณจากส.ส.เขตชัดเจน และสูตรคำนวณส.ส. ชัดเจนสามารถประกาศผลเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลแก้ปัญหาประชาชนได้เร็วขึ้น
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรที่จะยกเลิก การบริหารราชการในสถานการณณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้แล้ว เพราะพลเอกประยุทธ์ใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉบับนี้มานานกว่า 1 ปี 5 เดือน พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้แก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดได้แต่อย่างใด ยังพบว่า การระบาดกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น และมีจำนวนผู้เสียชีวิตหลัก 100-200 คน ทุกวันถือเป็นความล้มเหลวในการจัดการโควิดและการจัดการวัคซีน
“การรวบอำนาจไว้ที่ตัวพลเอกประยุทธ์ไม่เกิดประโยชน์เพราะทำงานไม่เป็นที่ผ่านมารังแต่จะสร้างปัญหามากกว่า รวมทั้งดียังมีข้อครหาเกี่ยวกับความโปร่งใส ส่วนต่างของราคาวัคซีนซีนชิโนแวค และรัฐบาลไม่มีหลักฐานที่จะมาแสดงให้ประชาชนเห็น ส่งผลให้ประชาชนหมดความเชื่อถือแล้ว และเชื่อว่าน่าจะต้องมีการทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนแน่ ล่าสุดประเทศจีนซึ่งเป็นต้นทางของชิโนแวค เริ่มหันมาผลิตวัคซีน mRNA เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนวัคซีนเดิมแล้ว เพราะเชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งรัฐบาลต้องตอบคำถามนี้”นายสงคราม กล่าว