ฝนหลวงฯ เร่งทำฝนช่วยพื้นที่นาข้าว หลังพบน้ำในเขื่อนหลักยังน้อย
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ถึงแม้ขณะนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนมาเป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้ว แต่น้ำที่ลงเขื่อนต่าง ๆ ยังมีปริมาณน้อยอยู่มาก พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่นาข้าวที่อยู่ในระยะแตกกอ ตั้งท้อง และออกรวงต่อไป ถือเป็นช่วงที่ต้องการใช้น้ำปริมาณมาก แต่ในหลายพื้นที่ยังคงมีน้ำไม่เพียงพอ กรมฯ จึงร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 13 หน่วยปฏิบัติการกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ได้มีการติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน และวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำใช้ในพื้นที่การเกษตรให้มากที่สุด
สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 11หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ สิงห์บุรี เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สระแก้ว ราชบุรี รวมถึงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้เขื่อน จำนวน 5 แห่ง และอ่างเก็บน้ำ จำนวน 7 แห่ง
ทั้งนี้จากแผนที่อากาศผิวพื้นกรมอุตุนิยมวิทยาเมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 2564) มีร่องฝนหรือร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านพื้นที่ภาคเหนือไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน แต่ล่าสุดได้ขยับลงมาในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกไปทางประเทศกัมพูชา ในบริเวณร่องฝนหรือร่องความกดอากาศต่ำอากาศจะลอยตัวได้ดี และจะทำให้มีอากาศค่อนข้างร้อนกว่าพื้นที่โดยรอบ ส่งผลให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้โดนดูดเข้าไปในพื้นที่บริเวณร่องฝน ซึ่งในพื้นที่ลมชั้นบนจะเป็นลักษณะแนวโค้งจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปทางทิศเหนือ ทำให้โอกาสที่จะมีฝนในวันนี้ค่อนข้างมาก โดยทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือนบางพื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยงฝนตกหนักมาก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามข้อมูลจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด
“หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อีก 10 หน่วย จะยังคงติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที”