“สงคราม” ชี้พรรคที่ไม่อยากแก้กลัวเสียอำนาจต่อรองรัฐธรรมนูญแก้ไขยากเหตุกระทบสืบทอดอำนาจเผด็จการ

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เข้าสู่ที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เป็นการแก้ไขที่ว่า ด้วยระบบเลือกตั้ง ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ นำเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบในวาระที่สอง แบบทีละมาตรา และเมื่อรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสองแล้วก่อนที่จะมีการพิจารณา ในวาระที่ 3 ต่อไป ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากถูกคว่ำจากวุฒิสภา และถูกเตะถ่วงจากฟากรัฐบาลอยู่หลายรอบ

ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91)” หรือเรียกกันง่ายๆ ที่แก้ไขระบบเลือกตั้งให้กลับไปคล้ายกับรัฐธรรมนูญ 2540 คือให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบที่แยก ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อออกจากกัน รวมทั้งปรับสัดส่วนให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน  เป็นไปตามรูปแบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูนปี 2540 ที่ประชาชนมีความคุ้นเคย และสะท้อนถึงความนิยมของพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงข้างมากสามารถที่จะนำนโยบายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ มาสู่การปฎิบัติได้ 

นายสงคราม   กล่าวด้วยว่า  การเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่าหลายฝ่ายต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์รูปแบบการเลือกตั้งว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชน ชี้ชัดว่าระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่ามีปัญหาหลายด้าน และเป็นการเลือกตั้งที่ผู้มีอำนาจกำหนดได้ ไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงได้จริง และทำให้การเมืองอ่อนแอเพราะมีจำนวนพรรคการเมืองที่มากเกินไปส่งผลให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพและมีการต่อรองทางการเมืองกันมาก 

“ด้วยเหตุนี้การกลับไปหาระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 แบบดั้งเดิมย่อมทำให้พรรคการเมือง เช่น พรรคขนาดกลางรวมทั้งพรรคขนาดเล็ก หวั่นเกรงว่าจะเสียเปรียบในการเลือกตั้ง  เหตุผลที่ใช้ในการคัดค้านระบบเพราะจะกระทบกับการสืบทอดอำนาจและผลโยชน์ให้กับพรรคใหญ่และเปิดโอกาสให้พรรคที่ คสช. หนุนหลังมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากยิ่งขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าโดยไม่ต้องกังวลกับเสียงพรรคเล็กพรรคน้อย รวมทั้งครองอำนาจได้ยาวนานยิ่งขึ้น” นายสงคราม กล่าว