ย้อนอดีต 'อีกมุมหนึ่ง' ของตอลิบาน จากคำบอกเล่าของ 'อีวอน ริดลีย์' นักข่าวชาวอังกฤษ

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'ฟีโรส ข่าน' ได้โพสต์มุมมองอีกด้านของกลุ่มตอลิบานลงกลุ่ม 'ประชาชาติแห่งอิสลาม (Islamic Nations) ผ่านเรื่องราวในปี 2001 ที่นักข่าวท่านหนึ่งของอังกฤษถูกจับตัวโดยตอลิบาน ว่า... 

...เดือนกันยายน 2001 'อีวอน ริดลี่ย์' เป็นหัวหน้านักข่าวของซันเดย์เอ็กซ์เพรส หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ เธอแอบปลอมตัว สวมชุดคลุมทั้งตัวแบบผู้หญิงอัฟกันเข้าไปในอัฟกานิสถานผ่านทางชายแดนปากีสถาน

“ฉันเป็นคนเขียนข่าวด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับความหวัง และความกลัวของชาวอัฟกัน ฉันเข้ามาในอัฟกานิสถานได้สองวันแล้ว ก่อนที่จะโดนตอลิบานจับตัว เพราะเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและไม่มีวีซ่า”

>> อีวอน ริดลีย์ คิดในตอนโดนตอลิบานจับกุมตัวว่า หากเธอไม่โดนข่มขืนหมู่ละก็ คงโดนขว้างด้วยหินจนตายแน่ 
.
“ฉันเดาไม่ออกเลยว่าจะเจ็บปวดยังไง แต่ก็สวดมนต์ว่า หากจะตายละก็ ขอให้ตายเร็ว ๆ หน่อย”

>> เธอเล่า ตอนนั้นเธอถูกขังไว้ที่จาลาลาบัด ตอลิบานคิดว่าเธอเป็นสปาย ต่อมาถูกย้ายไปกรุงคาบูล

>> อีวอนโดนตอลิบานจับกุมไว้ 10 วันเต็ม ในไดอารีของเธอ อีวอนกลับบันทึกไว้ว่า... 

“พวกเขา (ตอลิบาน) บอกเสมอว่า ฉันคือแขกของพวกเขา และบอกว่าหากฉันเสียใจ พวกเขาก็เสียใจด้วย ฉันไม่อยากเชื่อเลย ฉันอยากให้ใคร ๆ ที่บ้านรู้จังเลยว่า ฉันได้รับการปฏิบัติจากตอลิบานอย่างไร พนันกันเลยว่าทุกคนต้องคิดว่าฉันถูกตาลิบานทรมาน ทุบตี และทำทารุณกรรมทางเพศ แต่เปล่าเลย ฉันได้รับการปฏิบัติด้วยความสุภาพและให้เกียรติ เหลือเชื่อเลยจริง ๆ”

>> วันที่ 6 ล่ามบอกเธอว่า “พยายามทำตัวเป็นคนดีหน่อย คุณมีแขกพิเศษมาเยี่ยม” วันนั้นอิหม่ามมาเยี่ยมเธอ ถามเธอเรื่องศาสนา และเธอคิดอย่างไรกับอิสลาม แม้เธอจะรู้เรื่องอิสลามน้อยมาก อีวอนตอบอย่างกระตือรือร้น เมื่ออิหม่ามถามว่าเธอจะเปลี่ยนมารับอิสลามไหม อีวอนตอบว่า เธอไม่สามารถตัดสินใจกับชีวิตทั้งชีวิตได้ตอนอยู่ในคุกนี้ แต่สัญญาว่า หากออกไปจากคุกแล้วเธอจะอ่านอัล-กุรอาน 

“มุลลอฮ โอมาร์ ผู้นำด้านจิตวิญญาณของตาลิบาน สั่งปล่อยตัวฉันในวันที่ 8 ตุลาคม 2001 ซึ่งการปล่อยตัวดังกล่าวสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับโลกตะวันตก เพราะสหรัฐฯ และอังกฤษเพิ่งเริ่มถล่มอัฟกานิสถานก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว ตอนคาบูลโดนถล่ม ไม่มีใครคิดหรอกว่าฉันจะรอดชีวิตมาได้”

“พวกหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในโลกตะวันตกทั้งหลายเตรียมคำพาดหัวกันไว้เลยว่า ฉันจะพูดว่าโดน ‘ทรมาน’ / ‘ทำร้าย’ / ‘ถูกข่มขืน’ แต่ทั้งนักหนังสือพิมพ์และนักการเมืองทั้งหมดต้องช็อกกับคำบอกเล่าของฉัน...

***ทุกคนต้องการเหยื่อ 
***พวกเขาต้องการได้ยินฉันบอกว่าโดนทรมาน ทุบตี อะไรทำนองนั้น แต่เปล่าเลย ตอลิบานดีสุด ๆ กับฉัน”  

>> เมื่อกลับถึงลอนดอน อีวอนเริ่มอ่านคัมภีร์อัล-กุรอานตามที่ให้สัญญาไว้กับตอลิบัน

“ฉันตกใจมากกับสิ่งที่ฉันกำลังอ่าน ไม่มีแม้แต่ขีดเดียว ตัวอักษรเดียว ที่ถูกเปลี่ยนแปลงตลอด 1,400 ปีที่ผ่านมา ฉันคาดว่าในอัล-กุรอานจะเต็มไปด้วยบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับว่า จะทุบตีภรรยาคุณอย่างไร กดขี่ลูกสาวคุณอย่างไร แต่กลายเป็นว่ากลับเจอการส่งเสริมเสรีภาพของผู้หญิงแทน”

>> เธอบอกว่าสิ่งที่เธอเจอในอิสลามคือ “แนวทางการใช้ชีวิต หลักเกณฑ์แห่งชีวิตที่สะอาดและเรียบง่าย สิทธิเสรีภาพของสตรีหลายอย่างที่โลกตะวันตกยังปฏิเสธ”

“ฉันกล่าวชาฮาดาฮ์รับอิสลามในวันที่ 30 มิถุนายน 2003” อีวอนบอกว่า “ฉันได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในโลก หากเรายังคงจับมือกันไว้มั่นคงแบบนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายเราได้หรอก”

แล้วพ่อแม่ของเธอผู้นับถือเชิร์ชออฟอิงแลนด์ในเมืองเดอร์แฮมว่าไงล่ะ? “ตอนแรกทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงของฉันรับไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่าฉันมีความสุขมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น และพอใจในสิ่งที่ฉันเป็น” “แม่ฉันเนี่ยดีใจมาก ๆ เลยที่ฉันเลิกเหล้าได้ซะที!”

>> อีวอนคิดอย่างไรเกี่ยวกับสตรีในอิสลาม?
“มีผู้หญิงที่โดนกดขี่ในโลกมุสลิม แต่ฉันก็สามารถพาคุณไปดูผู้หญิงกำลังโดนกดขี่ที่ถนนไทน์ไซด์ของอังกฤษได้เช่นเดียวกัน”

“การจำกัดสิทธิสตรีเป็นเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่ใช่อิสลาม คัมภีร์อัล-กุรอานพูดไว้ชัดแจ๋วเลยว่าผู้หญิงมีสิทธิเสมอภาคกับผู้ชาย”

>> และชุดแบบสตรีมุสลิมของเธอก็แสดงให้เห็นพลังแห่งสตรี, เธอบอกว่า... 

“แล้วจะมีเสรีภาพได้อย่างไรล่ะ หากผู้หญิงยังถูกมองแค่ว่าสะโพกใหญ่เท่าไหร่ ขายาว ขาสวยรึเปล่า”

>> อีวอนคิดว่าสื่อมวลชนตะวันตกอคติต่ออิสลามหรือเปล่า?

“มีแน่นอน ส่วนใหญ่มาจากการที่นักข่าวตะวันตกขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม บางคนก็เขียนข่าวตามที่รัฐบาลป้อนให้หมด บางคนก็ถูกหลอกให้เขียนข่าวโฆษณาชวนเชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

จากประสบการณ์ของเธอในอัฟกานิสถาน มีตัวอย่างข่าวจากที่นั่นบ้างไหมที่เป็นการสร้างภาพให้ตรงข้ามกับความจริง?

“สิ่งที่ถูกเรียกว่าการปลดปล่อยกรุงคาบูลน่ะ กลายเป็นเรื่องโกหกโดยสื่อมวลชนที่บิดเบือนภาพที่แท้จริง เพื่อให้ถูกใจผู้ชมในโลกตะวันตก อย่างภาพที่ถ่ายออกมาให้เห็นว่า ผู้หญิงโยนชุดคลุมลงในกองไฟ ผู้ชายอัฟกันโกนเครานั้น สิ่งที่กล้องไม่ได้ถ่ายให้คุณดูด้วยในตอนนั้นก็คือ ภาพที่สื่อมวลชนตะวันตกแสนร่ำรวยเหล่านี้ จ่ายเงินให้กับนักแสดงเหล่านั้นคนละเท่าไหร่ สื่อตะวันตกต้องการส่งภาพ ‘ความสุข’ เหล่านี้ไปให้ผู้คนที่บ้านเท่านั้นเอง และก็มีเรื่องโกหกพกลมเรื่องความลับ เรื่องนิวเคลียร์ของบินลาเดน มีนักข่าวคนหนึ่งจ่ายเงิน 500 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อเอาเรื่องราวเกี่ยวกับแผนการนิวเคลียร์ของบินลาเดน แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเนื้อหาในวิชาฟิสิกส์ของเด็กนักเรียน!”


ที่มา : https://www.facebook.com/groups/207754263078206/permalink/1178672692653020/
https://www.theguardian.com/media/2001/oct/09/terrorismandthemedia.afghanistan
http://edition.cnn.com/2001/WORLD/europe/10/08/gen.ridley.fate/index.html


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9