"เสกสกล" ยัน "บิ๊กตู่" นำทัพ สู้สงคราม โควิด-19 จวก คนอคติ เล่นการเมืองในวิกฤตทำประเทศย่อยยับ
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมมาตรการเข้มในการบริหารจัดการดูแลผู้ป่วย ตนเห็นด้วยกับมาตรการที่ออกมา ถือเป็นการยกระดับมาตรการต่างๆให้เข้มขึ้น รัฐบาลให้ความสำคัญทั้งการบริหารสถานการณ์ให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น การจัดสรรบุคลากร และการบริหารจัดการสถานที่ต่างๆ ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพรวมและขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ในที่ประชุมนายกฯให้ความสำคัญหลายเรื่อง เช่น เรื่องของโรงพยาบาลสนาม โดยนายกฯเห็นว่าต้องเร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการให้เข้าถึงการรักษาให้มากที่สุดและเร็วที่สุด และให้เพิ่มขีดความสามารถโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ในขณะนี้ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงให้มากขึ้น รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation – HI) และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation – CI) อย่างเป็นระบบ โดยจัดให้มีทีมแพทย์คอยติดตามอาการ ชุดเวชภัณท์และยาที่จำเป็นเพี่อคัดแยกผู้ป่วย ลดการแพร่เชื้อภายในครอบครัวและชุมชน สำหรับผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้ (HI) จะมีการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้จะนำส่งศูนย์พักคอย หรือ (CI) ซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อให้ครบทั้ง 50 เขต
นอกจากนี้นายกฯยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมช่วยเหลือ สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงการจัดส่งอาหารและยาให้ผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวที่บ้านและที่ชุมชนในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง ให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยประสานผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวในภูมิลำเนาได้ ตามมาตรการสาธารณสุขที่กำกับการเคลื่อนย้ายทุกขั้นตอน เพี่อลดปัญหาการได้เข้ารับการรักษาในพื้นที่ กทม. ที่มีข้อจำกัดเรื่องเตียง และสนับสนุนทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก (Comprehensive Covid-19 Response Team) หรือ CCRT อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการลงพื้นที่ทั้ง 50 เขตเพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้ครอบคลุมและทั่วถึง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด
นายกฯ ยังได้เน้นเรื่องการปรับปรุงระบบการรับเรื่องผ่านโทรศัพท์สายด่วนต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถประสานข้อมูลร่วมกัน เพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นจริง ควบคู่ไปพร้อมกับการเดินหน้าจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดเพื่อเร่งฉีดให้กับประชาชนโดยเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งในขณะนี้ในพื้นที่ กทม. ได้มีการฉีดวัคซีนเกินกว่าร้อยละ 50 ของประชากรแล้ว
สิ่งที่นายกฯไม่เคยลืมคือการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข และคนทำงานจากทุกหน่วยงานที่ร่วมใจดูแลผู้ป่วยอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย นายกรัฐมนตรียินดีและพร้อมรับฟังปัญหาและอุปสรรค เพี่อจะได้ร่วมช่วยหาวิธีแก้ไขและนำไปสู่แนวทางที่เหมาะสมในการทำงานของทุกหน่วยงาน
นายกฯและรัฐบาลทำงานกันอย่างหนัก หามรุ่งหามค่ำขนาดนี้ก็ยังไม่พอใจคนที่คิดอคติ เอาการเมืองมาเล่นในสถานการณ์วิกฤตโควิดในขณะนี้ โดยไม่คิดว่าความเสียหายที่ตัวเองคอยแซะ คอยวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะเป็นอย่างไร ประเทศจะเสียหายย่อยยับขนาดไหน ไม่ว่านายกฯหรือรัฐบาลจะทำอะไร ก็คอยตั้งท่าตำหนิติเตียนตลอด จึงอยากเตือนสติฝ่ายค้านฝ่ายเห็นต่างทั้งหลาย ช่วยนึกถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย อนาคตลูกหลานเราจะเป็นอย่างไร ญาติพี่น้องเราจะเป็นอย่างไร ต้องนึกถึงเขาด้วย อย่าเห็นแก่ตัวนึกถึงแต่ตัวเอง ด่าเอามันปากเอาสนุกอย่างเดียวไม่ได้ สุดท้ายถ้าเกิดกับญาติพี่น้อง ลูกหลาน หรือบุคคลใกล้ตัว เมื่อคิดได้ก็อาจจะสายไปแล้ว
วันนี้เป็นการต่อสู้กับสงครามโควิด มหันตภัยไวรัสที่ไม่เห็นตัว เราคนไทยจะมามัวทะเลาะกันไม่ได้แล้ว นายกฯและรัฐบาลอยากเห็นความร่วมมือร่วมใจเสียสละร่วมกัน จับมือกันสามัคคีกัน ไม่มีเวลามาทะเลาะขัดแย้งกัน เพื่อปกป้องรักษาชีวิตคนไทยทุกคนให้ผ่านสงครามโควิดนี้ไปให้ได้ ประเทศไทยจึงจะชนะด้วยพลังสามัคคีของคนไทยทุกคน