ฤดูกาลแห่ง “เชอรี่” ในฟาร์มอดิเรก ความสุขที่ปลูกเองได้

ช่วงเดือนกรกฎาแบบนี้จะไม่พูดถึงหน้าผลไม้คงไม่ได้ ขอยกให้ “เชอรี่” เป็นนางเอกของเรา !! ในช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคมนี้เลย 

หากย้อนไปเมื่อปีที่แล้วก็พอได้เก็บเกี่ยวเชอรี่ไว้บ้างแล้ว แต่ปีนี้เข้าสู่ความหนาวอย่างยาวนาน ทำให้ช่วงเมษายนอากาศหนาวจัดอยู่ประมาณ 7 ครั้ง มี 2 ครั้งที่หนาวถึงติดลบ 7 องศา ทำให้มีดอกที่ติดแล้วร่วงลงไปเยอะ แถมช่วงมิถุนายนมีลูกเห็บตก แถว ๆ ตรงที่วี่อยู่ ขนาดเท่า ๆ ลูกมะนาวที่ใหญ่มาก ทำให้ปีนี้เชอรี่เลยออกล่าช้าไปนิดนึง เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิล้วน ๆ เลย ดังนั้นในปีนี้เอง ทำให้ที่ฟาร์มของวี่แทบจะไม่มีเชอรี่เลย 

ใกล้บ้าน ก็มีฟาร์มแบบต้นเตี้ย ๆ ยืนเก็บถึงบ้าง ถูกเก็บรักษาโดยการปิดด้วยตาข่าย ช่วงที่หนาวมาก ๆ จะมีการจุดไฟเพื่อไม่ให้ต้นเชอรี่ได้รับความหนาวเกินจนดอกที่ติดแล้วร่วงลงไป

ฟาร์มของวี่เอง อย่างที่เคยเล่าไปในตอนแอปเปิลว่าต้นไม้แต่ละต้นนั้นสูงเป็นสิบเมตร การจะเอาตาข่ายคลุมจุดไฟนั้นค่อนข้างยาก ประกอบกับที่เราทำฟาร์มเพราะรัก หรือเป็นแค่งานอดิเรกเพื่อการอนุรักษ์ฟาร์มแบบสมัยก่อนและพันธุ์ไม้เก่าแก่เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อดำรงชีพ เราจึงปล่อยให้การได้ผลผลิตเป็นไปตามธรรมชาติจัดสรร แต่คงความเป็นออแกนิกให้มากที่สุด

ฟาร์มของวี่มีต้นเชอรี่อยู่ 10 ต้น ต้นที่แก่ที่สุดอายุ 55 ปี ส่วนต้นที่สูงที่สุดคือ 12 เมตร และมีทั้งหมด 8 สายพันธุ์ ต้นเชอรี่สายพันธุ์เตี้ยสามารถมีอายุได้นานเฉลี่ยถึง 40-60 ปี ส่วนไม้ยืนต้นสูงแบบที่ฟาร์มอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 80-100 ปี ที่ฟาร์มมีอยู่ต้นนึงที่วี่ชอบรสชาติมาก มีอายุ 38 ปี เป็นสายพันธุ์ Kordia (คอร์เดีย) เจ้าต้นนี้ต้นเดียวก็ได้เป็นร้อยกิโลกรัมซึ่งถือว่าเยอะมาก เพราะเชอรี่ที่ฟาร์มลูกจะค่อนข้างเล็ก เนื่องจากเป็นพันธุ์ค่อนไปทางเก่า ไม่เหมือนตามซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ลูกใหญ่ ๆ แต่วี่การันตีเลยว่าถ้าได้ลิ้มลองละก็!! จะต้องบอกว่าเล็กพริกขี้หนูจริง ๆ ลูกใหญ่ ๆ น้ำจะเยอะแต่รสชาติจะไม่เข้มข้นเท่า ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าถ้าทุกคนที่ได้ชิมเชอรี่ที่ฟาร์มของวี่ จะต้องบอกว่าอร่อยและหายากมาก เพราะบางฟาร์มที่เขาปลูกเพื่อขายดำรงชีวิต เขาจะปลูกพันธุ์ที่ผสมมาเพื่อให้ลูกใหญ่จะได้น้ำหนักเยอะและขายได้ราคาดี ๆ โดยส่วนตัววี่ไม่เคยซื้อที่อื่นกินเพราะมีราคาสูง และไม่อร่อยเท่าที่ฟาร์มของเราเอง  

เชอรี่ที่ฟาร์มเรามีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งสีแดงสด สีแดงเข้ม สีออกม่วงดำ สีเหลืองล้วน ซึ่งพันธุ์สีเหลืองล้วนเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ชื่อพันธุ์ Dennis Gelbe Bernstein-Kirche (เดนนิส เกลเบ แบรนชไตน์ เคีรยชเช่) เป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างเก่า ในระแวกนี้ไม่มีใครมีนอกจากที่ฟาร์มเรา ต้นนี้อายุแค่ 12 ปีเท่านั้น สูง 6 เมตร ถ้าพูดเรื่องนี้ชาวนาอินดี้ (สามีวี่เอง) จะยืดอกภูมิใจยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยทีเดียว รสชาติจะหวานและกรอบมาก แต่ปี ๆ นึงจะออกมาให้ชื่นใจไม่เยอะมากหรอก ประมาณ 6-10 กิโลกรัมเท่านั้น

วิธีการเก็บเราก็จะเอาตะกร้าเล็ก ๆ ร้อยเข้ากับเข็มขัด แล้วก็ปีนขึ้นไปเก็บได้เลย เชอรี่ที่ฟาร์มทั้งหมดเก็บเกี่ยวได้ต่อปีประมาณ 350 กิโลกรัม ราคาขายต่อกิโลกรัมคือ 14 ฟรังค์ แต่ที่ฟาร์มเราคือแจกซะเป็นส่วนใหญ่ คือวี่จะเอาไปแจกเพื่อนคนไทยบ้าง เพื่อนที่ทำงานบ้าง หรือบางทีเพื่อน ๆ ก็จะมาปีนเก็บกันเองสด ๆ จากต้น ถ้าจะขายคือขายครึ่งนึงของราคาตลาดเพื่อให้เพื่อนฝูงและคนรอบข้างได้กินของอร่อยคุณภาพดี นี่แหละวี่ถึงเรียกสามีว่าชาวนาอินดี้ 

บางครั้งความสุขก็มาในรูปแบบของการแบ่งปัน และการอยู่กับธรรมชาติทำให้จิตใจเราเป็นสุขได้มากกว่าที่เราคิด ที่สำคัญวี่เชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มีราคาที่ต้องจ่าย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่เราสามารถจ่ายได้ด้วยเงิน…


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9