“มงคลกิตติ์” เดินหน้าเอาผิด รมต.-ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ฐานกำจัดสารสไตรีนโรงงานหมิงตี้ ผิดกฎหมาย ชี้บริษัทกำจัดสารไม่ผ่าน EHIA

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงว่า ผ่านมา 21 วันแล้วจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ซ.กิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนได้รับทราบว่ากระทรวงอุตสาหกรรมว่า จะนำสารสไตรีนโมเนอร์เมอร์ ไปกำจัดโดยมีบริษัทอัคคี ปราการ นิคมอุตสาหกรรมที่บางปู เป็นผู้ดำเนินงาน ซึ่งบริษัทยังไม่ผ่าน EHIA เท่ากับยังไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่มีอำนาจในการขนย้าย ต้องทำแผนในการดำเนินการเสนอ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมให้ก่อน และการดำเนินงานของบริษัทอัคคี ปราการ สามารถกำจัดสารได้ 8 อย่าง ซึ่งไม่มีสารสไตรีนฯ ฉะนั้นการดำเนินการของกรมโรงงานกระทรวงอุตสาหกรรมถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และตามขั้นตอนจะต้องแจ้งกรมโรงงานว่ามีสารเคมีหรือกากประเภทใดที่ต้องเอาไปกำจัด และเมื่อจะเอากากออกจากโรงงานผู้ก่อเหตุจะต้องลงรายละเอียดในระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมกับสำนักกากกรมโรงงานว่าจะเอากากออกอย่างไร และกรมโรงงานจะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่และดูว่าบริษัทมีความสามารถกำจัดและได้รับอนุญาตหรือไม่ และต้องเป็นบริษัทที่จดทำเบียนกับกรมโรงงาน ดังนั้นการที่นำสารดังกล่าวไปกำจัดที่บริษัทอัคคี ปราการ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะมีการประกาศเมื่อปี 2562 เกี่ยวกับการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ดังนั้นการดำเนินการของบริษัทดังกล่าวก่อนที่จะเผาสไตรีนครั้งนี้ จะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผ่าน EHIA แต่ครั้งนี้ยังไม่ได้ทำ
         
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ตนอยากทราบว่าทั้งรมว.อุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงาน จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายและที่ผ่านมาตนได้ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับรองปลัดที่กำกับอุตสาหกรรมจ.สมุทรปราการ รวมทั้งอธิบดีกรมโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต้องดำเนินคดีในเรื่องของการกำจัดสไตรีนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อาจผิดกฎหมาย ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบถือว่าผิดกฎหมายและกฎหมายไม่ได้ละเว้นหรืองดเว้นให้ดำเนินการได้ ฉะนั้นการกำจัดสารสไตรีนสามารถดำเนินการได้โดยการเผา ฝังกลบ แต่เรื่องการเผาของ บริษัทอัคคี ปราการยังไม่ผ่าน EHIA ซึ่งเป็นเหมือนการนำสารสไตรีนจากอีกที่หนึ่งไปไว้อีกที่หนึ่ง ซึ่งสารเหล่านี้มีผลกระทบต่อเลือด หัวใจและลมหายใจของประชาชนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามภายในสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปที่บริษัทอัคคี ปราการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป และขอเตือนไปยังรมว.อุตสาหกรรมว่าควรทำอะไรให้ถูกต้อง