'ดร.พิมพ์รพี' วอนรัฐ บอกให้ชัด ทำอย่างไรกับ ปชช.ที่ฉีดซิโนแวคแล้วสองเข็ม เติมเข็มที่สามให้ หรือให้ดิ้นรนเอาเอง แนะ รัฐคิดไปข้างหน้าแทนตามแก้ปัญหา เร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว วอน หาเจ้าภาพประสานรับตัวส่งต่อผู้ป่วยกลับบ้านเกิด แนะเสนอหล
ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการหลายอย่าง แต่ต้องยอมรับความจริงว่ามักจะช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ เช่น โฮมควอรันทีน โลคอลควอรันทีน ซึ่งที่จังหวัดกระบี่ เดินหน้าเรื่อง โลคอลควอรันทีนมานานแล้ว นโยบายที่รัฐออกมาจึงช้ากว่าการจัดการของโลก จึงขอถามไปข้างหน้าถึงจังหวัดท่องเที่ยวที่มีโรงแรมมาก ๆ รวมถึงภูเก็ต ในเรื่องความปลอดภัย เพราะแม้จะมีการฉีดซิโนแวคไปสองเข็มแล้ว แต่ล่าสุดภาครัฐยอมรับการฉีดสองเข็มภูมิยังไม่ขึ้น ต้องมีบูทเข็มสาม และยังจะให้มีการฉีดเอสตร้าเซนนิกาด้วย คำถามคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อจากนี้จะทำอย่างไร คนที่ฉีดวัคซีนไปสองเข็มแล้วจะได้รับเข็มสามจากภาครัฐจัดหาหรือไม่ หรือต้องเข้าสู่โหมดพึ่งตัวเอง รัฐบาลต้องคิดไปข้างหน้าและให้คำตอบกับประชาชน ก่อนที่ประชาชนจะให้คำถาม ทุกนโยบายที่ออกมาจึงต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน ไม่ใช่ตามแก้ในภายหลัง ซึ่งจะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลลง
“ยังมีปัญหานำผู้ป่วยจากกทม.กลับบ้านในต่างจังหวัด ในส่วนกลางยังไม่มีมาตรการเชื่อมโยงกับจังหวัดต่าง ๆ เลย มีแต่แต่ละจังหวัดต้องดิ้นรนกันเอาเองทั้งสิ้น ถ้ามีการดำเนินการอย่างเป็นระบบประสานจากส่วนกลางสู่จังหวัด จะทำให้การเข้าถึงระบบสาธารณสุขของผู้ป่วยทำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยกระจายผู้ป่วยเข้าสู่การรักษาในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดวิกฤตสาธารณสุข ผ่อนคลายสถานการณ์ภายในกทม.ได้ด้วย เรื่องเหล่านี้ท่านต้องทำอย่างเป็นระบบ แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็น ปัญหาใหญ่อีกประเด็นหนึ่งคือการส่งผู้ป่วยกลับบ้านเกิดถ้าระยะทางใกล้ความยุ่งยากน้อย แต่ถ้าระยะทางไกลจะเป็นปัญหามาก เนื่องจากรถที่ใช้รับส่งยังไม่มีการกั้นระว่างคนขับกับผู้โดยสารอย่างเป็นมาตรฐาน ใช้แอร์ร่วมกัน ไม่เพียงคนขับเสี่ยง กู้ภัยที่นั่งไปด้วยเป็นเวลากว่าสิบชั่วโมงก็หนีไม่พ้นความเสี่ยงด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้ส.ส.ช่วยประสานกันเต็มที่ แต่รัฐควรมีมาตรการที่เป็นระบบและมีหน่วยงานเจ้าภาพในเรื่องนี้ด้วย” ดร.พิมพ์รพี กล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า หลายเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการขณะนี้เป็นเรื่องดี แต่ช้าไป ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร หรือระบบการรักษาทางไกล ให้ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บว่าเกิดจากปัญหาอะไร แต่อยากให้เป็นบทเรียนที่ต้องตระหนักว่า การออกนโยบายต้องคิดไปข้างหน้า ไม่ใช่ตามแก้หลังเกิดปัญหา จังหวัดกระบี่ตอนนี้พบการติดเชื้อในโรงเรียนปอเนาะถึงหนึ่งพันคน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักมาก กรมการแพทย์ควรประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งหลักเกณฑ์ปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงเพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้วตามแก้ไขยาก เนื่องจากการระบาดไปไกลและยังเป็นภาระงบประมาณด้วย