‘อลงกรณ์’ เห็นด้วย ‘บิ๊กตู่’ ปักหมุดเปิดประเทศภายใน 120 วัน พร้อมเสนอวาระโควิด 6 ข้อรับมือ Next Normal
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส. โพสต์เรื่อง “อย่าให้นายกรัฐมนตรีปักหมุด 120 วันเปิดประเทศคนเดียว” ในเฟซบุ๊กและไลน์ส่วนตัวว่า...
วันนี้ตั้งใจเขียนความเห็นและข้อเสนอวาระโควิด (Covid Agenda) 6 ข้อให้ท่านนายกรัฐมนตรีและสาธารณชนคนไทยได้อ่านในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่เคยเผชิญวิกฤตของประเทศมาหลายครั้ง ทั้งวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 และวิกฤติซับไพรมวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2551
ในฐานะอดีตรัฐมนตรีและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “อย่าให้นายกรัฐมนตรีปักหมุด 120 วันเปิดประเทศคนเดียว”
ผู้นำต้องกล้าที่จะนำประเทศพาประชาชนไปข้างหน้าและต้องพร้อมบริหารความเสี่ยงไปในเวลาเดียวกัน
การบริหารในช่วงวิกฤตจะละล้าละลัง กลัวๆ กล้าๆ ไม่ได้ เพราะเวลาที่ผ่านไป คือ การสูญเสียโอกาสและความยากลำบากมากขึ้นทุกขณะของประชาชนและประเทศชาติ
ถ้าล็อกดาวน์นานไปประชาชนจะไม่มีกินและธุรกิจจะปิดตัวเองมากขึ้น จนเครื่องยนต์เศรษฐกิจดับทุกสาขาทั้งภาคการท่องเที่ยว, ภาคการบริการ, ธุรกิจการเงิน, การลงทุนพาณิชยกรรม, อุตสาหกรรม, การค้าระหว่างประเทศและการเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดต่ำลงไปเรื่อยๆ
การตัดสินใจประกาศวันดีเดย์ทำให้เกิดเป้าหมายและความหวัง แต่ขณะเดียวกันเราต้องเผชิญกับ 2 ความเสี่ยง…
>> ความเสี่ยงแรก คือ สงครามโควิด-19
>> ความเสี่ยงที่สอง คือ สงครามเศรษฐกิจ
หากบริหารได้ดี ความเสี่ยงและความสูญเสียจะลดลงมา ประเทศไทยและคนไทยจะเริ่มทำมาหากินได้เศรษฐกิจจะเริ่มขยับขยายตัวได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันฟันฝ่าผ่าความเสี่ยงที่เรียกว่า Next normal ร่วมกัน
ผมมีความเห็นเป็นข้อเสนอโดยสุจริตใจ ประเด็นวาระโควิด 6 ข้อเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและการดูแลประชาชนกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ...
1.) วัคซีนต่างประเทศ >> ต้องเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายจัดหาและช่วยระดมฉีดให้ได้ตามเป้าหมายโดยเร็วที่สุด ยิ่งฉีดเร็วฉีดมาก ยิ่งลดความเสี่ยงของสงครามโควิด-19 ได้มากที่สุด อย่าให้พลาดพลั้งเหมือนช่วงแรกๆ ของการจัดหา
2.) วัคซีนไทย >> ต้องสนับสนุนเงินทุนให้มากที่สุดกับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รวมทั้งมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในการผลิตวัคซีนของเราเองในทุกความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีวัคซีนโดยเฉพาะเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิดจากพืช (Plant based vaccine technology) ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนสามารถผลิตวัคซีนใหม่ๆ ได้ ซึ่งใช้รับมือกับกรณีโควิดกลายพันธุ์ หรือโควิดสายพันธุ์ต่างชาติที่ระบาดเข้ามาในประเทศไทยทั้งก่อนและหลังการเปิดประเทศ
โดยเมื่อเดือนที่แล้วผมได้ไปหารือกับคณะผู้บริหารและทีมนักวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมดูความก้าวหน้าของการผลิตวัคซีนจากพืชของบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของจุฬาฯ มาแล้ว ซึ่งได้ผลดีมากในการฉีดทดสอบกับลิงและหนูโดยพร้อมจะทดสอบกับคนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและทาง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ ก็กำหนดประชุมหารือกับท่านอธิการบดีบัณฑิตที่จุฬาลงกรณ์วันที่ 25 มิถุนายนนี้ ส่วนที่แคนาดามีบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกร่วมกันพัฒนาวัคซีนโควิดจากพืชและประกาศจะนำออกสู่ตลาดในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
3.) การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว >> เป็นการจุดเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง เมื่อกล้าเปิดก็ต้องเปิดแบบมีกลยุทธ์ กล่าวคือ ต้องไม่บริหารแบบท็อปดาวน์เพียงอย่างเดียวจึงไม่กำหนดจากข้างบนให้เริ่มที่ภูเก็ตหรือบางพื้นที่ตามที่ ศบค. ตั้งเป้าหมายแรก แต่ควรเปิดหลายๆ พื้นที่หลายๆ จังหวัดทั่วประเทศพร้อมๆ กัน โดยให้จังหวัดที่ต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยวเสนอแผนและมาตรการป้องกันโควิดให้ศบค.พิจารณาแบบเสนอจากเบื้องล่าง ถ้าเห็นว่าทำได้ก็เดินหน้าโดยรัฐบาลให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณและเครื่องมือกำลังคน
นี่คือกลยุทธ์การบริหารจัดการประเทศไม่ใช่บริหารจังหวัด!!
เมื่อกล้าเปิดประเทศก็ต้องคิดใหญ่ทำใหญ่ หากเป็นเช่นนี้เศรษฐกิจจะมีฐานขยายตัวกว้างขึ้นและเร็วขึ้น “ล้อแห่งธุรกิจจะกลับมาหมุน” ตลอดห่วงโซ่ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ต้องเข้าใจว่า ประชาชนและธุรกิจทั่วประเทศ (ไม่ใช่แค่ภูเก็ต) ที่ติดหล่มโควิดมากว่าปีแล้ว ลมหายใจใกล้หมด จึงต้องทำเร็วที่สุดและเปิดในทุกพื้นที่ทีมีความพร้อมในมาตรการป้องกันโควิด-19ดีที่สุด รวมทั้งต้องกระจายอำนาจและมอบอำนาจจริงๆ ให้ราชการส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นอย่ารวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลางอย่างที่ผ่านมา
4.) การพยุงประชาชนและประเทศ >> ภาครัฐต้องดำเนินการเยียวยาทุกมาตรการต่อไปแม้จะต้องใช้งบประมาณหรือเงินกู้มาเยียวยาโดยเฉพาะคนยากคนจนเกษตรกรและเอสเอ็มอี. อย่ากังวลเรื่องเพดานเงินกู้ มากนัก ประเทศไทยมีศักยภาพมากพอในการสร้างรายได้ถ้าบริหารถูกทิศถูกทางการใข้หนี้ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้ต้องช่วยประชาชนช่วยธุรกิจให้อยู่รอดเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในวันข้างหน้า
5.) ความรับผิดชอบร่วมกันต่อ Next normal ของการเปิดประเทศ >> ผมคิดว่าเราทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมรับผิดชอบร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน อย่าให้เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลฝ่ายเดียว เพราะวิกฤตครั้งนี้ใหญ่กว่าทุกสงครามที่ประเทศของเราเคยเผชิญ มีเดิมพันที่สูงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ “เราจะแพ้ไม่ได้”
ดังนั้น ในวันนี้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ทั้งสภาผู้แทนและวุฒิสภา ภาครัฐภาคเอกชน ทุกภาคีภาคส่วนต้องผนึกกำลังกัน เอาการเมืองไว้ข้างหลัง เอาบ้านเมืองไว้ข้างหน้า
6.) การบริหารจัดการต้องโปร่งใสไร้ทุจริต >> ต้องไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวหรือพรรคพวกหรือผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ว่าในรูปแบบใด และต้องจัดการเฉียบขาดกับใครก็ตามที่ทุจริตประพฤติมิชอบกับเรื่องการจัดหาวัคซีนหรือการจัดซื้อเวชภัณฑ์ใดๆ ในทุกระดับ
ก่อนหน้านี้ผมเสนอยุทธศาสตร์ “1ปิด1เปิด” โมเดลเพชรบุรีและเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมร่วมกับทุกภาคีภาคส่วน คือ “ปิดโควิด เปิดเศรษฐกิจ” ให้เร็วที่สุดไปพร้อมๆ เพราะถ้าล็อกดาวน์โควิดอย่างเดียวก็อดตายทั้งประเทศหรือถ้าเปิดประเทศโดยไม่ป้องกันโควิดดีพอ ก็จะระบาดใหญ่ป่วยตายทั้งประเทศ โดยเราก็ตั้งเป้าหมายเปิดเพชรบุรีตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งเผอิญเป็นแนวทางเดียวกันกับที่ท่านนายกรัฐมนตรีประกาศเมื่อวานนี้
ผมจึงเห็นด้วยกับการปักหมุด 120 วันเปิดประเทศและขอแสดงความเห็นมา ณ โอกาสนี้ครับ
ขอเพียงอย่าให้เป็นการปักหมุดเปิดประเทศของท่านนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะสงครามโควิดและสงครามเศรษฐกิจรุนแรงและวิกฤตเกินกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะรับมือได้
ประการสำคัญคือประเทศนี้เป็นของทุกคนและอนาคตก็เป็นของพวกเราทุกคน
อลงกรณ์ พลบุตร
17 มิถุนายน 2564
โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9