“ศิริภา” งง คกก.โรคติดต่อ กทม. ปฏิเสธ รพ.เอกชนยื่นมือช่วย ตรวจโควิด-19 แทนที่จะได้ช่วยลดภาระ-เร่งจำกัดการระบาดเชิงรุก แนะการฉีดวัคซีนควรทำควบคู่กับการตรวจหาเชื้อ
นางสาวศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงแรงงาน จะเปิดให้บริการตรวจโควิด-19 แก่ผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบ และประชาชนทั่วไป ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่สนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ว่า
ส่วนตัวขอเรียกร้องให้มีการขยายระยะเวลาตรวจโควิด-19 ที่สนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดงออกไปอีก เนื่องจากเป็นที่พึ่งสำคัญในการตรวจคัดกรองเวลานี้ ที่มีกลุ่มเสี่ยงใหม่จำนวนมากเกิดขึ้นทุกวันและยังไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง โดยเฉพาะพื้นที่เขตดินแดงเองก็เป็นเขตที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระการตรวจคัดกรองในพื้นที่อื่น ๆ และใน รพ. เพราะแม้ว่าจะมีการตั้งจุดคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงแต่ต้องยอมรับความจริงว่าจำนวนบุคลากรจากสำนักอนามัย ของ กทม. และ บุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.รัฐ ในเขตพื้นที่เสี่ยงนั้นมีไม่เพียงพอ และจากที่พยายามประสานติดต่อขอเข้าตรวจคัดกรองโควิด-19 ให้กับกลุ่มเสี่ยงก็พบว่าคิวการตรวจคัดกรองตาม รพ. ต้องรอนานถึง 2 วัน
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาที่โรงพยาบาลเอกชนอาสาพยายามยื่นมือขอเข้ามาช่วยคัดกรองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่กลับถูกกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครปฏิเสธ ทำให้การตรวจคัดกรองโควิด-19 เป็นไปอย่างล่าช้าทั้งที่การตรวจหาเชื้อควรทำอย่างเชิงรุกและเป็นหนทางสำคัญที่จะสามารถจำกัดการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้างได้
ดังนั้นจุดตรวจของสนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดงโดยกระทรวงแรงงาน จึงเป็นเสมือนจุดตรวจหลักที่รองรับกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้รับคิวตรวจจาก รพ. และ จุดคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ ที่มีการตรวจน้อยมากต่อวัน เมื่อเทียบกับอัตราผู้ติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเข้าใจว่าคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครต้องการมุ่งทรัพยากรไปในการฉีดวัคซีนเป็นหลัก แต่คณะกรรมการต้องทำความเข้าใจว่าทั้งสองอย่างนั้นต้องทำไปควบคู่กัน เพราะการฉีดวัคซีนไม่ได้ทำให้ประชาชนชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดโควิดหายจากโควิดได้ ยิ่งไม่ได้รับการตรวจ ก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคหรือไม่ ก็ยิ่งจะแพร่โรคให้กับคนอื่นอีก และหากทรัพยากรที่ทาง กทม. มีไม่เพียงพอก็ควรเปิดทางให้กับเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามาช่วยเหลือในเขตพื้นที่ที่จำเป็นอย่าง ดินแดง ห้วยขวาง บางเขน จตุจักร ลาดพร้าว ที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดของกรุงเทพมหานคร โดยขอให้มองว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นสถานการณ์วิกฤตที่ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องร่วมมือกันและให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนให้มากที่สุด ไม่ใช่เวลามาแบ่งแยกหน้าที่กัน ว่าหาก รพ.เอกชนพร้อมก็ควรสนับสนุน