รู้จัก ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ‘พี่สาม’...ผู้ Low Profile แต่ High Profit เลือดแท้ ‘ตระกูลจึง’ นอกรั้วธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์

ภายหลังจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ประเทศไทยก็ได้มี 3 ส.ส. จาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ ที่ใช้นามสกุลเดียวกันว่า ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’

คนแรกคือ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ไพร่หมื่นล้าน หัวหน้าพรรค ‘อนาคตใหม่’ (ถูกยุบ)

อีก 2 ท่านคือ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ และ ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ ผู้ลงสมัครในฐานะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ในอันดับที่ 2 และ 16

หลายคนอาจจะมองว่าตระกูลเดียวกัน ยังไงก็ตัดกันไม่ขาด!! ต่อให้อยู่ฝ่ายการเมืองแบบคนละฟาก แต่สัมพันธภาพของครอบครัวก็พร้อมจะยอมรับกับเส้นทาง ‘ซ้าย’ หรือ ‘ขวา’ ของคนใน ‘ตระกูล’ แบบรู้เห็นเป็นใจกันบ้างไม่มากก็น้อย

แต่หากมองจาก ‘เส้นทาง’ ในปัจจุบันของ ส.ส. 2 ฟากจากวงเครือญาติเดียวกัน คงพอพูดได้ว่า ‘ยากจะบรรจบ’ เพียงแต่จะให้ฟันธงว่าทั้ง 2 ขั้วการเมืองในตระกูลเดียวกัน มีความขัดแย้งในแง่อื่นๆ หรือไม่นั้น? อันนี้พูดยาก!! พูดยาก!! พูดยาก!!

ทั้งนี้ หากลองไล่เรียงความเป็นมาของ ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ จะพบว่า ตระกูลนี้เติบโตมาจากการทำมาค้าขายธุรกิจชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันเฉพาะแค่ ‘ซัมมิท’ และ ‘ไทยซัมมิท’ (ธนาธร) ก็น่าจะครอบคลุมส่วนแบ่งตลาดในไทยไปแล้วกว่า 80% แล้ว

….แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าตระกูลนี้ไม่ใช่ ‘กงสี’ ธุรกิจฝั่งใครก็ฝั่งนั้น และคนที่แยกธุรกิจออกไปทำเอง ก็ไม่ได้มีความผูกพันกันแต่อย่างใดต่ออีกครอบครัว

ขณะเดียวกันหากลงไปดูสาแหรกเครือญาติแล้ว คนรุ่นใหม่ของตระกูลอย่าง ‘พงศ์กวิน’ และ ‘ธนาธร’ ที่เข้ามาในวงการเมืองด้วยวัยหนุ่มแน่นนั้น ถือเป็นยุคเดียวกันของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ด้วยอายุห่างกันแค่ปีเศษๆ

โดยปู่และย่าของทั้งคู่ คือ ‘โหลยช้วง แซ่จึง’ และ ‘บ่วยเซียง แซ่จึง’ ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีลูกด้วยกัน 5 คน ได้แก่…

• สรรเสริญ จุฬางกูร

• พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ (บิดาธนาธร)

• โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ (บิดาพงศ์กวิน)

• สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

• และ อริสดา จึงรุ่งเรืองกิจ

ทั้งนี้ สรรเสริญ ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ ได้เปลี่ยนนามสกุลไปให้แตกต่างจากพี่น้องคนอื่นเป็น ‘จุฬางกูร’ ขณะที่พี่น้องอีก 4 คนใช้นามสกุลร่วมกันคือ ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’

ส่วน ‘ธนาธร’ แห่งอนาคตใหม่ คือ บุตรชายคนโตของ ‘พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ’ (เสียชีวิต) และ ‘สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ’

ขณะที่ ‘โฟม-พงศ์กวิน’ แห่งพลังประชารัฐ คือ บุตรชายคนโตของ ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ซึ่งทั้งคู่อายุห่างกันเพียงปีเศษเท่านั้น

หลายคนอาจจะรู้จัก ‘ธนาธร’ ดีถึงดีมาก รวมถึงคุณแม่สมพร แต่หลายคนอาจจะแค่คุ้น ‘พงศ์กวิน’ แต่ถ้าย้อนไปมองคุณพ่อ ‘โกมล’ ต้องบอกว่าชื่อนี้คือชื่อของชายชายแห่งตระกูลจึงที่เจนจัดมากๆ ในสังเวียนธุรกิจและการลงทุนสูง

โกมล เป็นน้องคนที่ 3 ของ ‘สรรเสริญ จุฬางกูร’ และเป็นพี่ชายของ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ซึ่งในวงการสื่อมักจะยกให้เขาเป็นบุคคลที่ ‘Low Profile’ แต่ ‘High Profit’ เป็นคนทำธุรกิจแบบเรียบง่าย ไม่ชอบเปิดตัว 

บ่อยครั้งชื่อของ ‘โกมล’ ปรากฏออกมาในตลาดหุ้น ด้วยการถือหุ้นหลายบริษัท โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มักคิดโยงใยว่าเขามีส่วนกับการเก็งกำไรหุ้นร้อนหลายตัวในตลาด ซึ่งในความเป็นจริง ‘เขา’ คือ บ่อทองที่นักธุรกิจรายใหญ่ ต่างวิ่งเข้ามาหาเองเสียมากกว่า จากการที่ลงไปจับอะไร ก็มีโอกาสปังเกือบทั้งสิ้น

โกมลเป็นนักธุรกิจที่มากด้วยกิจการในฐานะเจ้าของ 100% ทุกธุรกิจที่ทำประสบความสำเร็จ ปราศจากปัญหาสภาพคล่อง เขาเป็นเจ้าของธุรกิจรองเท้า ‘แอร์โรซอฟท์’ ที่ผลิตเดือนละ 2 ล้านคู่ ส่งออกไปขายต่างประเทศเป็นหลักที่ 70% โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ตะวันออกกลาง

เขามีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท ย่านรังสิต เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ให้เช่าหลายหมื่นยูนิต ย่านรังสิต เป็นเจ้าของรับเหมาก่อสร้าง ไปจนถึงโรงงานผลิตเคมีสำหรับงานเคลือบหลังคากระเบื้อง 

นอกจากนี้ยังถือหุ้นใหญ่กว่า 60% ในบริษัท อกริเพียวโฮลดิ้งส์ฯ (APURE) ซึ่งหากย้อนไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน APURE มีสภาพไม่ต่างจาก IEC (บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ที่ถูกดร.อดีตมือดีของ ดีแทค เพิ่มทุนไป-มา ทำพังและนำมาสู่ความย่ำแย่ของ IEC) โดยตอนนั้น ‘โกมล’ ออกมาแสดงฝีมือการบริหารด้วยตัวเอง ตั้งแต่การซ่อมบำรุงเครื่องจักรการผลิตใหม่ทั้งหมด ด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งมีความรู้ช่างเครื่องเป็นอย่างดี ช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมากให้กับ APURE 

และไม่เพียงแค่การลงแรงดูเครื่องจักร เขายังลงมาคลุกกับการปรับปรุงคุณภาพการผลิตที่ให้ผลผลิตต่อหน่วยที่สูง ผลิตเม็ดพันธุ์ข้าวโพดที่มีคุณภาพ การบริหารจัดการผลประโยชน์ให้กับชาวไร่ข้าวโพด ทำให้ APURE ฟื้นจากบริษัทขาดทุน สู่บริษัทที่กลับมาสร้างกำไรได้ในเวลาไม่นานนัก โดยผลงานที่ชัดมาจากตัวเลขกำไรของ APURE เมื่อปี 2559 ที่สร้างสถิติสูงสุด 191 ล้านบาท เติบโตจากปี 2558 ที่มีกำไร 96 ล้านบาท โตเกือบเท่าตัว และปี 2557 มีกำไรเพียง 79 ล้านบาท จนในที่สุดกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ปีละ 2 ครั้ง ได้ถึงทุกวันนี้

แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลให้ต่อมาบรรดาผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 25,000 คนของบริษัท IEC ตัดสินใจเลือก โกมล เข้ามากอบกู้ IEC ยุคคลุกฝุ่น เพราะมองว่าเป็นคนที่มีความตั้งใจ มีศักยภาพพร้อมทั้งเงินและบุคลากร โปร่งใส ไม่เอาเปรียบ ทำร้ายผู้ถือหุ้น และพร้อมทำธุรกิจใหม่ๆ ที่จะปรับปรุงธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้สุดท้าย IEC จะต้องเดินเข้าแผนฟื้นฟูก็มิได้แคร์ 

ทั้งนี้ หากมองการลงทุนส่วนตัว ‘โกมล’ ก็มักจะถูกเล็งในฐานะแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนรายย่อย เพราะไม่ว่าจะลงทุนหุ้นตัวไหน ก็มักเชื้อเชิญรายย่อยมาร่วมเติมเต็มมูลค่าการซื้อขายตัวนั้นๆ เสมอ เช่น...

การลงทุนใน พร๊อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค จำกัด (มหาชน) หรือ PF และหุ้นบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG จนทำให้ 2 หุ้นที่แทบไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย กลับมาซื้อขายกันอย่างคึก ทั้งมูลค่าซื้อขายที่หนาตาและราคาที่ร้อนแรง โดยรูปแบบการเก็งกำไรหุ้น PF และ BWG ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนกระบวนท่าอะไรมากหนัก เป็นการเข้าไล่เก็บหุ้นในกระดาน เหมือนกับปกติที่เคยลงทุนหลายตัวมาในอดีต

แต่ไฮไลต์มันอยู่ตรงที่ ‘โกมล’ มีการขยับพอร์ตหุ้น PF อีกครั้ง ด้วยการเข้าซื้อหุ้น PF เพิ่ม 0.23% วันที่ 25 พ.ค.63 ซึ่งก็เพียงพอที่จะดึงดูดนักลงทุนผสมโรงแห่ซื้อตาม จนราคาพุ่งพรวดเกือบ 40% และจังหวะหุ้นกำลังขึ้นนั่นเอง วันที่ 1 มิ.ย.63 ‘โกมล’ ตัดสินใจเจียดขายหุ้น PF ออกมา 0.07% ได้กำไรเท่าไหร่? ลองคิดเอาดูละกัน?

เช่นเดียวกับหุ้น BWG ที่เก็บเพิ่มช่วงเดือน เม.ย.63 อีกประมาณ 0.52% เกิดภาพเดียวกับหุ้น PF เลย หลัง ‘โกมล’ เข้าเก็บมีแรงผสมโรงเข้าซื้อหุ้น BWG จากนักลงทุนรายอื่นๆ จนราคาปรับขึ้นกว่า 35% จนวันที่ 1 มิ.ย.63 ‘โกมล’ มีการเจียดขายหุ้นออกมา 0.20% ดูจากส่วนต่างราคาหุ้นที่เกิดขึ้น ชัดเจนว่าฟาดกำไรไปไม่น้อยทีเดียว

นี่คือ..ความเจนจัดบนสังเวียนหุ้นและสังเวียนธุรกิจของ โกมล ที่หลายคนอาจจะไม่สังเกต และรู้แค่ว่าเขาเป็นคน Low Profile แต่ High Profit เพราะส่วนหนึ่ง คือ ในบรรดาตระกูล ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ ทั้งหมด เขาน่าจะเป็นคนที่เข้าถึงได้ยากที่สุดคนหนึ่งด้วย เหตุจากการไม่ชอบเปิดตัวหรือเข้าสังคมไฮโซไฮซ้อกับใคร 

แต่ทุกวันนี้ชื่อของ โกมล กลับเริ่มถูกคลิกค้นหาบ่อยหน่อย อาจจะเพราะลูกชายอย่าง ‘โฟม-พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ ก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองในพรรคประชารัฐ ทำให้คนเริ่มสนใจความเป็นมาของคนอื่นๆ ในตระกูลนอกจาก ‘สุริยะ’ และ ‘ธนาธร’ จึงรุ่งเรืองกิจ 

พูดถึง โฟม เขาเป็นคนหนุ่มที่น่ารัก อัธยาศัยดี ไม่ถือตัว และเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีมุมคิดเชิงบวกสูงมาก ซึ่งเขาเล่าให้ฟังไว้ว่า สิ่งที่เขาเป็นทุกวันนี้ ก็มาจากการเลี้ยงดูที่ดีของผู้เป็นพ่อ (โกมล) 

โฟม ขยายความวัยเด็กว่า “พ่อเลี้ยงดูผมอย่างเข้มงวดเรื่องการเงิน พยายามให้เงินลูกไปโรงเรียนน้อยที่สุด เรียนชั้นประถมได้เงินวันละ 5 บาท มัธยมได้วันละ 20 บาท จึงใช้เงินอย่างประหยัดมาโดยตลอด ขณะเดียวกันก็ต้องคิดและเลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง และอย่าเอาแต่บ่น อย่าเอาแต่เป็นผู้ชมที่คอยติ ถ้าอยากเห็นอะไรดีขึ้น ก็ต้องลงมือทำเอง”

โฟม ยังเล่าแตะไปถึงเส้นทางการเมืองของเขาอีกว่า พ่อของเขาไม่เคยบังคับให้เข้ามาเล่นการเมือง เฉกเช่นเดียวกันกับคุณอา (สุริยะ) ที่แม้จะไม่ได้ปฏิเสธการเข้ามาในเส้นทางการเมือง แต่ก็ไม่แนะนำอะไรทั้งนั้น นอกจากบอกให้ไปเรียนรู้เอาเอง 

ฉะนั้นการก้าวเข้ามาของ โฟม ในพรรคเดียวกับคุณอา จึงไม่ได้เกิดจากมีการชี้นำของใคร แต่เขาเลือกตามสิ่งที่คิดว่าถูกต้องตามมุมมองและความคิดส่วนบุคคลภายใต้รั้วครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจฟากฝั่งคุณพ่อและคุณอา โดยเขาเคยเผยว่า เหตุผลง่ายๆ ที่เลือกฟากพรรคปัจจุบัน (พลังประชารัฐ) เพราะเป้าหมายของพรรค ‘ไม่ต้องการความขัดแย้งแบบ 2 ขั้ว’ 

หากจะให้สรุปว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจในวันนี้ มีขั้วความคิด 2 ฟาก คงไม่ได้ผิดอะไรนัก เพราะ โฟม เองก็เคยเผยว่า ตัวเขากับ ‘เอก- ธนาธร’ ลูกพี่ลูกน้องตระกูล ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ ก็ไม่เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันใดๆ อยู่แล้ว ยิ่งธุรกิจของตระกูลก็แยกกัน ไม่ได้ร่วมกันแบบ ‘กงสี’ ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวไม่มีความใกล้ชิดกันมากเท่าไร จะคิดเห็นต่างใดๆ ก็ไม่แปลก ซึ่งนั่นคงหมายรวมถึง ‘เส้นทางการเมือง’ ที่มาจากมุมคิดส่วนตัว ไม่ใช่จากฉันทามติของตระกูลรวม!!

ฉะนั้นถึงแม้จะใช้ชื่อตระกูลเดียวกัน แต่เส้นทางและอุดมการณ์ต่างกัน มันก็เป็นเรื่องปกติ!!

เพียงแต่ ‘ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ’ ของ ‘แท้-เทียม’ วัดกันจากจุดไหน? อันนี้คงต้องดูจากทิศทางและบทบาทของตระกูลส่วนใหญ่ที่ประพฤติกันในวันนี้ 

ส่วนทิศทางของ ‘ครอบครัว’ ที่แค่หยิบนามสกุลเขามาใช้เดินเกมชีวิตแบบต่างสุดขั้ว 

อันนี้ก็อย่าไปเหมารวม!! ว่า ‘จึง’ เป็นแบบนี้แบบนั้นทั้งสาแหรกเชียว!!


ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.kaohoon.com/content/369229
https://www.thansettakij.com/content/money_market/216957
https://www.matichonweekly.com/column/article_156902