เด็ก พปชร. วอน ประชาชนเชื่อมั่น ข้อมูลวิชาการ ฉีดวัคซีน จวก ฝ่ายค้าน หยิบเป็นประเด็นการเมือง

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอาจารย์แพทย์ ให้ความเห็นส่วนบุคคลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่บิดเบือน ว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ออกคำแถลงชี้แจงย้ำชัดเจนแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นความเห็นทางวิชาการของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ว่า วัคซีนโควิดที่ประเทศไทยนำเข้าทั้งซิโนแวค และแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และยังมีประสิทธิภาพต่อเชื้อโรคกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการยืนยันของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ ว่าวัคซีนทั้ง 2 ตัวที่ไทยกำลังฉีดอยู่ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% และลดอาการป่วยรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังจำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และมีประสิทธิภาพต่อการลดความรุนแรงของโรคของผู้ที่ติดเชื้อตามมาตรฐานสากล

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า “ในขณะนี้มีกระบวนการด้อยค่าทีมทำงานของรัฐบาลและสาธารณสุข โดยมุ่งเรื่องวัคซีนเป็นตัวนำ โดยมีพฤติกรรม ขยายผลบิดเบือนเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน กล่าวหาเลื่อนลอยเรื่องรัฐผูกขาดนำเข้าวัคซีน จนสร้างความตื่นตระหนกสับสนในสังคม ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่อาจตัดสินใจไม่ให้ความร่วมมือมารับการฉีดวัคซีน อันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกำลังใจของทีมนักรบชุดขาวที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพียงเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเสียหายและหวังผลทางเมือง โดยเอาสุขภาพของประชาชนมาเป็นเหยื่อ ดังนั้นจึงขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่มีหลักวิชาการอ้างอิง ที่กำลังระบาดตอนนี้ 

ที่น่าผิดหวังก็คือ นักการเมือง ผู้แทนของประชาชน โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กกล่าวหารัฐบาลฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ โดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน และกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร ทำให้สังคมสงสัยและตั้งคำถามว่าคิดแต่ความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่