“สงคราม” หวั่นแบงก์ชาติตั้งการ์ดสูงทำเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงเงินกู้ ผิดหวังโกดังพักหนี้หวังอุ้มนายทุนมากกว่าช่วยผู้ประกอบการตัวเล็ก

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพื่อชาติ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากมาตรการโกดังพักหนี้ที่รัฐบาลหวังเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้การที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจวงเงิน 250,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 2% หากสามารถปล่อยสินเชื่อได้จริง ไปยังกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตัวจริง ตรงกลุ่มเป้าหมาย เชื่อว่าสามารถช่วยผู้ประกอบการได้

ทั้งนี้หวั่นใจว่ารัฐบาลจะเลือกช่วยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นบริษัทในเครือของนายทุนใหญ่เท่านั้น เป็การเลือกปฎิบัติส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้อยู่ในเครือนายทุนใกล้ชิด เข้าไม่ถึงเงินกู้ ทั้งนี้ การจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ ต้องไม่เลือกปฎิบัติช่วยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นดี เพราะหากทำเช่นนั้นเงินกู้จำนวน 250,000 ล้านบาท จะล้มเหลวรอบ 2 เพราะไม่สามารถที่จะกู้ช่วยผู้ประกอบการได้

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ถ้าแบงก์ชาติยังตั้งเงื่อนไขในการช่วยเหลือเหมือนมาตรการจากเงินกู้พระราชกำหนด 500,000 ล้านบาท ก็จะไร้ประโยชน์ เพราะธนาคารพาณิชย์ จะช่วยเหลือแต่ลูกค้าของธนาครเป็นหลัก ไม่มีทางที่แบงก์พาณิชย์จะปล่อยเงินกู้ให้กับลูกค้ารายใหม่ มาตรการที่ออกมาหวั่นใจจะไม่สามารถช่วยผู้ประกอบการได้ นอกจากนี้เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่ออุ้มผู้ประกอบการรายใหญ่ และช่วยธนาคารพาณิชย์มากกว่า ดังนั้นมาตรการที่ออกมาจะเป็นการซ้ำเติมผู้ระกอบการ ที่กำลังประสบปัญหาในขณะนี้