เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งแบนการนำเข้าสับปะรดจากไต้หวัน โดยอ้างว่าพบสารพิษ ยาฆ่าแมลงตกค้างที่เป็นอันตรายจากสินค้าล็อตที่เพิ่งส่งมา ซึ่งการสั่งห้ามการนำเข้าสับปะรดไต้หวันเริ่มมีผลทันทีตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

เรื่องนี้นาย เฉิน ชีชุง รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของไต้หวันออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางหน่วยงานมีการตรวจสอบคุณภาพผลผลิตอย่างเข้มงวด และไม่เคยได้รับคำตำหนิจากประเทศคู่ค้าชาติอื่น ดังนั้นคำกล่าวหาของรัฐบาลจีนจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้

แต่เมื่อทางรัฐบาลจีนได้มีคำสั่งออกมาแล้วว่าให้แบน ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ จึงทำให้เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในไต้หวันต่างเดือดร้อนไปตามๆกัน เพราะ จีนเป็นผู้นำเข้าสับปะรดรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน กว่า 97% ของสับปะรดไต้หวันส่งไปขายในประเทศจีน ตกเฉลี่ยปีละ 41,660 ตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.5 พันล้านบาท

มิหนำซ้ำ คำสั่งแบนจากจีนออกช่วงหน้าสับปะรดไต้หวันออกมาพอดี ชาวไต้หวันถึงเป็นเดือด เป็นแค้นมาก ว่า จะนำสับปะรดกว่า 4 หมื่นตันไปไว้ไหนและมองว่าจีนใช้นโยบายแบนสับปะรด เพื่อโจมตีภาคอุตสาหกรรมเกษตรของไต้หวันโดยตรง ซึ่งเป็นนโยบายที่จีนนิยมใช้ เมื่อต้องการตอบโต้ชาติใดก็ตามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจีน

อย่างที่ออสเตรเลียเคยเจอมาแล้วเมื่อช่วงปี 2020 ที่โดนจีนตั้งกำแพงภาษีนำเข้า ไวน์ ถ่านหิน และข้าวบาร์เลย์จากออสเตรเลีย เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลออสเตรเลียที่เคยกล่าวหาจีนว่าปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาด Covid-19 และเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกตั้งทีมสืบสวนหาต้นกำเนิดไวรัส Covid -19 ที่ประเทศจีน

และเมื่อจีนต้องการเปิดศึกสับปะรด ทางไต้หวันก็จำเป็นต้องออกมาสู้ โดน นาย อู๋ จาวเซี่ย รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันก็ประกาศเปิดแคมเปญ "Freedom Pineapple" สับปะรดแห่งเสรีภาพผ่านทางทวิตเตอร์ พร้อมๆกับนาง ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ก็ออกมาโพสต์ รณรงค์ให้ชาวไต้หวันช่วยกันซื้อสับปะรดกินกันในช่วงนี้

หลังจากที่เปิดแคมเปญ ก็เกิดแนวร่วมพันธมิตรสับปะรดขึ้นทันที เมื่อทูตพิเศษของแคนาดา และสหรัฐในไต้หวันออกมารับลูกเชียร์ความเอร็ดอร่อยของสับปะรดไต้หวันว่าสุดยอดแค่ไหน

และหน้าเพจ Facebook ของสำนักงานหอการค้าแคนาดาก็ได้โพสต์ว่า พวกเราชาวแคนาดาชอบกินพิซซ่าหน้าสับปะรดมาก โดยเฉพาะสับปะรดจากไต้หวัน และยังเล่าถึงประวัติว่าชาวแคนาดาคือผู้คิดค้นการใส่สับปะรดบนหน้าพิซซ่าเป็นครั้งแรกในปี 1962

และยังมี เบรนท์ คริสเตียนเซ่น ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกันแห่งไต้หวัน ได้โพสต์รูปตัวเขากับสับปะรดไต้หวัน 3 ลูกบนโต๊ะทำงานของเขา พร้อมคิดแฮชแท็ก #pineapplesolidarity

ส่วนการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ก็คึกคักไปด้วยแท็ก #FreedomPineapple ที่ชวนกันไปซื้อสับปะรดมากินโชว์ในโซเชียล และทางไต้หวันก็เตรียมเปิดตลาดสับปะรดใหม่ในประเทศพันธมิตร เช่น สิงคโปร์ มาเลยเซีย และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น

และล่าสุด นายเฉิน ชีชุง รัฐมนตรีเกษตรก็ประกาศข่าวดีว่า ตอนนี้ทางเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดได้ยอดสั่งจองล่วงหน้ามาแล้วอย่างถล่มทลายถึง 41,687 ตัน เกินจำนวนยอดที่ส่งออกไปจีนตลอดทั้งปีเรียบร้อยแล้ว

โดยที่ยอดจองส่วนใหญ่มาจากทางอินเตอร์เนตบ้าง จากโรงงานผลิตสับปะรดแปรรูป โรงงานเครื่องดื่ม ตลาดค้าส่ง และค้าปลีกผลไม้และยังมีออเดอร์จากต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย เข้ามาช่วยพยุงชาวสวนสับปะรดไต้หวันได้อย่างทันท่วงที

เรียกได้ว่าแผนแก้เกมจีนด้วยพันธมิตรสับปะรดได้ผล และมีกำลังซื้อจริง แต่ทางไต้หวันก็ต้องเร่งหาตลาดต่างประเทศสำรองไว้สำหรับสินค้าเกษตรตัวอื่นๆ ที่อาจโดนจีนสั่งแบนเพิ่มอีกในอนาคตที่อาจต้องสร้างพันธมิตรมะละกอ กล้วย ส้ม กันอีกยาว


อ้างอิง

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4140768

https://www.theguardian.com/world/2021/mar/02/taiwanese-urged-to-eat-freedom-pineapples-after-china-import-ban

https://www.cnbc.com/2021/03/04/taiwan-chinas-ban-on-pineapples-not-in-line-with-global-trade-rules.html