‘สุรีรัตน์ ชิวารักษ์’ แม่เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฏร พร้อมยืนเคียงข้างลูกชาย ชี้เป็นเด็กเรียนดี มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง พร้อมอยากร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม ระบุเหตุเข้าร่วมกิจกรรม 'เดินทะลุฟ้า' เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมประกันตัวลูกชาย
“เพนกวินเป็นเด็กที่รู้ตัวหนังสือตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน เราซื้อโปสเตอร์มาแปะฝาบ้าน ทั้ง ก ข ค และ A B C แล้วจิ้มถามเขาบ่อยๆ เราเองไม่ได้ภาษาอังกฤษ ก็อยากให้ลูกเก่ง เจอนกก็พูดกับเขาว่า ‘บี เบิร์ด นก’ เจอแมวก็พูดว่า ‘ซี แคท แมว’ ตอนเขาไปโรงเรียนวันแรก เย็นวันนั้นครูมาเล่าให้ฟัง เขาถามครูว่า ‘ครูครับ ฃ ฃวด หายไปไหน’ เราบอกเขาว่า ‘ถ้าอ่านออกจะซื้อหนังสือให้อ่าน’ หลังจากนั้นสักพักก็เริ่มอ่านได้ เขาอ่านหนังสือเร็วมาก (เน้นเสียง) อ่านไปหมดทุกอย่าง แต่หนังสือเรียนไม่ค่อยอ่านนะ (หัวเราะ) มีคนให้หนังสือประวัติหลวงปู่ดุลย์ เขาก็อ่าน หนังสือธรรมะที่วางในบ้าน เขาก็อ่าน ตอนแรกเราคิดว่าอ่านไปอย่างนั้นแหละ แต่พอเรามีปัญหาอะไรในชีวิต เขาจะเอาธรรมะมาพูดด้วย เป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียนประถมเลย"
“หนังสือการ์ตูนที่เพนกวินชอบมากคือ รามเกียรติ์ เราเคยได้ยินนักวิชาการบอกว่า ถ้าเด็กสนใจอะไรควรให้เจอของจริง เราพาไปวัดพระแก้ว วันนั้นเดินด้วยกันหลายรอบแล้ว เราเมื่อยขาเลยขอนั่งรอ เขาไปเดินอยู่คนเดียว แล้วกลับมาบอกว่า ‘มี้ครับ มันน้อยไป’ เขาเล่าให้เราฟังได้เป็นฉากๆ ว่า ตัวนี้คือใคร เกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง โรงเรียนตอนประถมไม่ได้บอกอันดับ แต่เรารู้ว่าเขาเรียนดี เพราะได้รางวัลตลอด เราไม่ได้คิดว่าลูกพิเศษกว่าใคร เคยบอกเขาด้วยว่า 'เด็กเรียนเก่งมีเป็นมหาสมุทร แต่มี้อยากให้ลูกเก่งและดีด้วย' เราจะสอนลูกไม่ให้มีอีโก้ เวลาแข่งขันได้รางวัลก็บอกว่าชีวิตก็มีขึ้นมีลง เราเคยพูดกับเขาว่า 'เห็นคุณป้ากวาดถนนไหม ลูกกวาดได้สะอาดแบบนั้นไหม ทุกอาชีพมีความชำนาญของตัวเอง ไม่มีใครเก่งกว่าใคร' "
"สมัยเพนกวินเรียนอยู่ประถม เขาได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ เลยถูกส่งไปแข่งขันเป็นประจำ แม้แต่งานกีฬาสีก็ออกไปเต้นตะแด๊วๆ เชียร์กีฬา (หัวเราะ) ครูก็ชอบที่เป็นเด็กเรียนดีและทำกิจกรรม เขามีสมุดและปากกาติดตัวเสมอ ตอนได้ทุนการศึกษา เขาสงสัยว่าทำไมทุนถึงชื่อนี้ ก็ไปหาว่าตระกูลไหนก่อตั้ง เกี่ยวข้องกับใครบ้าง เคยทำอะไรให้ประเทศบ้าง พอขึ้นมัธยมแล้วเดินทางไปไหนเอง เขาไปหอสมุดแห่งชาติ ไปพิพิธภัณฑ์ที่ศิริราชจนสนิทกับเจ้าหน้าที่ เขาอยากทำสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ก็ไปอ่านหนังสือจนทำได้ เวลาเขาชอบอะไรจะไปจนสุด ครูภาษาไทยสมัยประถมทำบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเขียนบัตรสนเท่ห์ไปวางบนโต๊ะครู เขียนเป็นกลอนเลย ทำเป็นไม่ลงชื่อ แต่ครูเห็นลายมือก็จำได้ (หัวเราะ)"
"ถ้าลูกเรียนได้ทั้งวิทย์และภาษา พ่อแม่ก็อยากให้ลูกเรียนหมอใช่ไหม เราก็เป็นแบบนั้น แต่เขาคงมีเรื่องที่สนใจอยู่แล้ว พอจะขึ้น ม.ปลาย เขามาถามว่า 'มี้ครับ ถ้าครอบครัวหนึ่ง ลูกอยากเรียนวิศวะ แต่พ่อแม่อยากให้เป็นหมอ ลูกก็ยอมเรียนตามใจ แต่หลังจากนั้นแล้วลูกหนีออกจากบ้าน เป็นมี้จะทำยังไง' อีกครั้งเขาถามว่า 'มี้ครับ ถ้าครอบครัวหนึ่งมีลูกเรียนหมอ เรียนเก่งมากด้วย แต่หลังจากเรียนจบ เขาฆ่าตัวตายแล้วเขียนจดหมายว่า ใบปริญญาให้พ่อแม่ แต่ชีวิตที่เหลือเป็นของลูก เป็นมี้จะทำยังไง' เราตอบไปว่า 'แม่ก็ต้องตามใจลูกแหละ' เขาเคยพูดว่า 'มี้ครับ เพนกวินรู้ว่าพ่อแม่ให้ชีวิต แต่การใช้ชีวิตเป็นของลูกนะครับ' เราก็เก็บเอามาคิด วันหนึ่งเขาถามเราว่า 'มี้ครับ อยากให้เพนกวินเป็นอะไร' ตอนนั้นเราเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้ว เลยตอบว่า 'อะไรก็ได้ที่ลูกตื่นมาแล้วมีความสุขที่จะไปทำ' การถามคือเขาแคร์เรา แต่ขอให้เขาได้เลือกชีวิตตัวเองด้วย"
"เขาสนใจประวัติศาสตร์ เคยบอกตั้งแต่เล็ก ๆ ว่า 'ถ้าเพนกวินเกิดมาแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ มันเสียชาติเกิด' ตอนนั้นเราบอกไปว่า 'ก่อนจะไปเปลี่ยนแปลงอะไร มาช่วยแม่จัดบ้านก่อนไหม' (หัวเราะ) เขาเลือกเรียนสายภาษาที่เตรียมอุดมฯ เคยร่วมเคลื่อนไหวเรื่องการศึกษากับกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท เราสงสัยว่า 'ทำไปทำไม เราไม่ได้สิทธิประโยชน์อะไร แม่ก็ยังเป็นคนจ่ายค่าเทอมเหมือนเดิม' เขาตอบกลับว่า 'ถึงแม่จะจ่ายค่าเทอม แต่เราได้รับประโยชน์จากเงินภาษี ซึ่งหลายคนเลยเข้าไม่ถึงประโยชน์นั้น' เขาเคยบอกว่า อยากเป็นรัฐมนตรีเพื่อทำให้การศึกษาดีขึ้น เราไม่ได้ตามไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พ่อเคยไปดูเขาชูป้ายอะไรสักอย่างสมัยยังใส่ขาสั้น แล้วมาบอกว่า ‘ลูกพูดดีกว่าเราอีก’ โอเค เราก็สบายใจมากขึ้น เขาน่าจะดูแลตัวเองได้ หลังจากนั้นก็ปล่อยเลย"
"พอขึ้นมหาวิทยาลัย (คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เขาออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เราไม่ได้มองว่าเป็นแกนนำอะไร ยังไงก็เป็นลูก ทุกครั้งที่เจอกัน เราจะบอกเขาว่า 'เอาเล็บให้แม่ดูหน่อย ทำไมไม่ตัดเล็บ ถ้าไม่ตัดจะหักค่าขนม' เป็นเรื่องเดียวที่แม่ขู่ได้ (หัวเราะ) เราซื้อรองเท้าที่ซัพพอร์ทเท้าให้ เพื่อนบางคนก็แซวว่าแก่ เขามาบ่นกับเรา แต่ก็ใส่คู่นั้นตลอด (ยิ้ม) เราจะบอกรัก กอดเขา หอมเขาเป็นประจำ เวลาลูกโดนด่าเยอะๆ ก็กลัวเสียกำลังใจ เราจะโทรไปพิมพ์ไปหา 'แม่ให้กำลังใจนะ' เขามักตอบว่า 'ไม่มีอะไรครับมี้’ วันที่เพนกวินติดคุกครั้งแรก เราไม่คิดว่าจะโดน เลยไม่ได้ไปด้วย (เงียบคิด) เรารู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ข้างลูก พอวันรุ่งขึ้นทนายไปเยี่ยม เราไปด้วย แต่เข้าไปไม่ได้ เพนกวินฝากทนายมาบอกว่า 'ครั้งนี้คงติดนานหน่อย รักแม่นะครับ' แล้วลงท้ายว่า 'เสียดายที่เราไม่ได้ลากัน' (เงียบ…น้ำตาไหล) เหตุการณ์นั้นทำให้เราเข้าใจคำว่าใจสลาย"
"เพนกวินไม่เคยขอให้แม่ออกมา เขาพูดเสมอว่า ‘มันคือการตัดสินใจของมี้ ถ้าออกมา สิ่งที่ตามมาคือการโดนด่า มี้รับได้ไหม’ จนกระทั่งเขาติดคุกครั้งที่สอง ทำเรื่องประกันตัวสามครั้งก็ไม่ได้ มันไม่ใช่แล้ว เรานอนไม่หลับ รู้จักคำว่าสว่างคาตาก็ครั้งนี้ วันรุ่งขึ้นก็ไปเยี่ยมเพนกวิน เราบอกเขาว่า 'มี้ตัดสินใจจะออกมา' (กิจกรรม 'เดินทะลุฟ้า' เป็นการเดินเท้าจากจังหวัดนครราชสีมาถึงกรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 247.5 กิโลเมตร โดยหนึ่งในข้อเรียกร้องคือการปล่อย 4 แกนนำทางการเมือง คือ อานนท์ นำภา สมยศ พฤกษาเกษมสุข ปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์) เขาคงดีใจ บางคนบอกว่า เพนกวินโชคดีที่มีแม่แบบนี้ เราต่างหากโชคดีที่เขาเลือกเราเป็นแม่ บางครั้งเรารู้สึกว่าเขาคือโซลเมทที่มาสอนบทเรียนชีวิตนะ"
"เราเป็นห่วงลูกเรื่องเดียวคือความปลอดภัย แต่ห้ามเขาตอนนี้จะมีอะไรดีขึ้นไหม ห้ามแล้วจะไม่มีตำรวจมาที่บ้านหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือเพนกวินไม่ได้ทำอะไรผิดเลวร้ายด้วย เขาเคยพูดกับพ่อว่า 'ป๊าครับ ถ้าเพนกวินเป็นอะไรไป ขอให้พ่อแม่ภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำนะครับ' เขาไม่กล้ามาบอกเรา เพราะก่อนหน้านั้นเขาพูดกับเราว่า 'การต่อสู้ต้องมีการสูญเสียนะมี้' แต่เราตอบกลับไปว่า 'ไม่ได้ มี้ไม่พร้อมที่จะสูญเสีย' เราเคยถามเขาว่า 'เพนกวินจะทำไปทำไม เหนื่อยก็เหนื่อย คนไม่เห็นด้วยก็มาด่า ถ้าคนในประเทศไม่เห็นคุณค่า ไม่อยากให้ทำอะไร เราไปอยู่เมืองนอกเถอะ ทำให้คนอื่นเห็นว่าเราทำอะไรได้บ้าง หรือไปทำอะไรให้สำเร็จที่เมืองนอก คนที่นี่อาจจะฟังก็ได้' แต่เขาบอกว่า ‘เพนกวินเลือกแล้วที่จะอยู่ประเทศนี้ เพราะที่นี่คือบ้านเกิด’"
"เรานัดกันทานข้าววันเกิดตั้งแต่ปีที่แล้ว พอจะถึงวันนัด เขาบอกว่า ‘มีรุ่นน้องปราศรัย ต้องไปให้กำลังใจ’ พอถึงวันนัดอีกก็มีธุระต่างๆ ตั้งแต่วันเกิดแม่ วันเกิดเพนกวิน วันเกิดน้องสาว และวันเกิดพ่อ ผ่านมาจะครบปีแล้วยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลย ตอนนี้เขายังอยู่ในคุก เราไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากคิดเยอะ เพนกวินเคยบอกว่า ‘ไม่ต้องเครียดหรอกมี้ เพราะเครียดวันนี้ หรือเครียดวันนั้น ยังไงก็เครียดเหมือนกัน’ แต่เราก็ยังเครียด (เงียบคิด) ต้องคอยบอกตัวเองว่า สิ่งที่เขาทำไม่ได้ทำร้ายใคร เด็กชายที่ชอบประวัติศาสตร์ ต้องมีสมุดและปากกาติดตัวเสมอ และอยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น เขาอาจเกิดมาเพื่อเป็นคนแบบนี้"
เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ คือ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาจากความผิดเข้าร่วมการชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร ที่สนามหลวง โดยปัจจุบันถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปฏิเสธคำร้องขอให้ประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดี
ที่มา : เพจ มนุษย์กรุงเทพฯ
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2947531678864094&id=1432299840387293