ง้างดาบแต่ไม่ฟัน สหรัฐสั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงซาอุฯ เซ่นคดี Khashoggi แต่ไม่กล้าแตะ 'มกุฎราชกุมารMbS'

ตัดบัวอย่างไรให้เหลือใย ต้องยกให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของโจ ไบเดน ซึ่งได้ตัดสินใจเดินหน้าสอบสวนคดีฆาตกรรม Jamal Khashoggi นักข่าวซาอุดิอาระเบีย ประจำสำนักพิมพ์ Washington Post ที่ถูกฆาตกรรมหั่นศพภายในสถานทูตซาอุดิอารเบีย ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2018 และกลายเป็นคดีฉาวสนั่นไปทั้งโลก

โดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงอย่างมาก ที่เชื่อว่าเป็นผู้ออกคำสั่งเก็บนักข่าวซาอุฯ คนนี้ก็คือ มกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่รู้จักในชื่อรหัส MbS และกลุ่มหน่วยลับที่อยู่ในสังกัดเจ้าชายเบอร์หนึ่งแห่งบัลลังก์ซาอุดิอาระเบีย

คดีค้างเติ่งมานานกว่า 3 ปี แม้แต่ศพสักชิ้นยังหาหลักฐานไม่ได้ แต่ทางซาอุดิอาระเบียได้จับกุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อผู้ต้องหา และก็ได้ตัดสินปิดคดีไปอย่างเงียบๆเมื่อปีที่แล้ว

จนกระทั่งมาเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้ยอมเปิดเผยรายงานของหน่วยข่าวกรองที่ชี้ว่ามีกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่อยู่วงในของ MbS หลายสิบคนเกี่ยวข้องกับแผนการฆาตกรรม Khashoggi อย่างโหดเหี้ยม และในจำนวนนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยลับเคลื่อนที่เร็ว ที่รับภารกิจเฉพาะกิจและรายงานตรงกับท่าน MbS เท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางสหรัฐจึงตัดสินใจคว่ำบาตรกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่ปรากฏหลักฐานตามรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐว่าเกี่ยวข้องกับคดีของ Khashoggi กว่า 76 คน โดยการขึ้นบัญชีดำ เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ยึดบัญชีและทรัพย์สินที่ได้ลงทุน หรือฝากไว้ในสหรัฐ และยังตรวจสอบธุรกรรมการเงินว่าเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่

แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐวางแผนที่จะผ่านร่างกฎหมายใหม่ที่เรียกกว่า Khashoggi Act ที่มอบอำนาจให้รัฐบาลสหรัฐสามารถสั่งแบน หรือเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศต่อบุคคลใดก็ตามที่มีพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชน หรือนักเคลื่อนไหว และครอบครัว ที่สหรัฐเห็นว่าขัดหลักสิทธิเสรีภาพ ไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้

ซึ่งกฎหมายใหม่นี้ก็ได้ถูกนำมาใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยสายลับพิเศษประจำตัวของท่าน MbS ที่โดนขึ้นบัญชีดำนั่นเอง

แต่พอนักข่าวได้ถามนายบลินเคนว่า ถ้าลูกน้อง บริวารใกล้ชิดของท่าน MbS โดนรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตร ยึดทรัพย์สินไปแล้ว จะเหลือยานพ่อไว้ทำไมหล่ะท่าน ?

เมื่อเจอนักข่าวจี้ถามว่าเช่นนี้ แอนโทนี บลินเคน กลับบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามว่ารัฐบาลสหรัฐจะคว่ำบาตร MbS ด้วยเลยหรือไม่

แต่นายบลินเคน ได้ตอบนักข่าวว่า เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน และท่านประธานาธิบดีไบเดน ก็พยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ไม่ให้แตกร้าว

อันเนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับอเมริกามาแสนนาน แม้ที่ซาอุฯ จะหาสระบัวไม่ค่อยได้ แต่ยังไงทางเราก็ต้องรู้จักถนอมน้ำใจกันแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น

แต่คำพูดประโยคถัดมาของท่านรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ เชื้อสายยิวของสหรัฐต่างหากที่ต้องย้ำเส้นใต้หนักๆก็คือ ถึงจะอย่างไรก็ตาม ทางไบเดนต้องการให้มีการ "ปรับจูน" แนวทางกันใหม่ ให้เข้ากับสิ่งที่เราต้องการ และค่านิยมตามแบบของฝ่ายเรา (อเมริกัน)

ดังนั้นหากโจ ไบเดน เปิดหน้าไพ่ออกมาแล้วว่า มีหลักฐานที่พร้อมเปิดเผยในคดีฆาตกรรม Khashoggi และสามารถระบุตัวคนวงในของ MbS ได้ถึง 76 คน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐจะไม่รู้ทะลุถึงผู้ออกคำสั่งตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด

จะหักก้านบัวจนถึงรากก็ทำได้ แต่เด็ดบัวให้เหลือใยไว้น่าจะดีกว่า หากเส้นใยนั้นอาจเป็นราคาแสนแพงที่ซาอุดิอาระเบียที่ต้องยอมจ่าย ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม


ที่มา : https://web.facebook.com/HunsaraByJeansAroonrat/photos/a.104144281210799/253296609628898/

แหล่งข้อมูล

https://www.channelnewsasia.com/.../us-slaps-sanctions-on...

https://www.france24.com/.../20210227-us-will-not...

https://www.dailysabah.com/.../khashoggi-murder-us-slaps...

https://uk.news.yahoo.com/us-not-sanction-saudi-prince...