ดีเดย์! ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข เตรียมปักเข็มวัคซีนโควิดรายแรก! มีนายกฯ-อนุทินร่วมให้กำลังใจ ลั่น!ไม่ได้จิ้มเข็มคนแรกเป็นดุลพินิจของแพทย์

รายงานล่าสุดจากทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเป็นประธานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ไปร่วมด้วยโดยนายกฯ และนายอนุทิน ยังไม่เข้ารับวัคซีนในวันที่ 28 นี้ ส่วนผู้ที่รับการฉีดวัคซีนเป็นเข็มแรกคือ นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้กล่าวถึงความพร้อมในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า การฉีดวัคซีนโควิดยังมีในวันที่ 28 ก.พ.ตามกำหนดเดิม แต่เป็นการฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นคนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยมี นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน รองนายกฯ เดินทางไปให้กำลังใจและเป็นสักขีพยานที่สถาบันบำราศนราดูร หลังจากนั้นจึงเป็นการฉีดให้กับบุคลากรหน้าด่านที่ทำงานควบคุมป้องกันโรค รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากเป็นดุลพินิจของแพทย์ และต้องการรอการตรวจรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากบริษัทแอสตราเซเนกา ผู้นำเข้า ยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือตัวอย่างนำส่ง สำหรับการฉีดวัคซีนของตนนั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของแพทย์ ไม่มีการขโมยซีนท่านนายกฯ ตามที่มีข่าวลือ

เนื่องจากวัคซีนแต่ละชนิดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยวัคซินซิโนแวค ฉีดให้กับคนที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี ส่วน แอสตราเซเนกา ฉีดให้กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้นไม่ใช่เรื่องใครฉีดก่อนฉีดหลัง การฉีดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องให้แพทย์เป็นคนตัดสินใจ ส่วนหลังการรับวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เกิดขึ้น เชื่อว่า ผลลัพธ์ของวัคซีนจะเป็นคำตอบ และหลังการฉีดยังต้องรอดูผลด้วย