“วิษณุ” ยัน คนแก่ไม่ติดคุก ปมรับเงินสองทาง เผยคัดกรองแล้วเจอมีปัญหาราว 6,000 คน ระบุต้องสอบทานรับสิทธิ์โดยสุจริตหรือไม่ ล่าสุดมีคนแก่ตกใจหาเงินมาคืนแล้วกว่า 130 ล้านบาท
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะกรรมการค่าเบี้ยยังชีพ ถึงปัญหาการจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราซ้ำซ้อน ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีมติเรื่องนี้ เพราะเป็นเพียงการรับฟังสรุปจากหน่วยงานต่างๆ เท่านั้นและต้องการรับฟังความก้าวหน้าของแต่ละหน่วยงาน ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใด ๆ
โดยผู้มีอำนาจตัดสินใจสุดท้ายคือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เบื้องต้นสามารถตอบคำถามได้ 3 เรื่อง คือ 1.) จะไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้สูงอายุที่ไม่คืนเบี้ยยังชีพคนชรา เรื่องนี้ไม่เคยดำเนินการในอดีตและจะไม่ดำเนินการในอนาคตด้วย เพราะการดำเนินคดีอาญาจะต้องตั้งข้อหาฉ้อโกง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มีพฤติกรรมฉ้อโกง จึงไม่มีผู้ใดที่จะติดคุก
นายวิษณุ กล่าวว่า 2.) การรับผิดทางแพ่ง หรือการคืนเงิน สรุปง่าย ๆ หากได้มาโดยสุจริตไม่ต้องคืน แต่ถ้าเงินยังเหลืออยู่จะต้องคืนหากไม่เหลือก็ไม่ต้องคืน กรณีถ้ามีเงินเหลือยู่ แต่ไม่ใช่เงินที่ได้รับจากเบี้ยยังชีพคนชราก็ไม่ต้องคืน โดยแต่ละรายจะรับสุจริตหรือไม่จะดูเป็นรายบุคคล และมีผู้อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกไต่สวนทวนพยานว่าสุจริตหรือไม่ ประมาณ 6,000 คนทั่วประเทศ
"ถ้าปล่อยให้เป็นคดีอาญา 6,000 คดีทั่วประเทศ คดีจะรกศาล เป็นภาระอัยการในฐานะโจทก์ เป็นภาระของคุณตา คุณยาย ในฐานะจำเลย ที่จะต้องไปจ้างทนาย เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นทุกข์ จึงกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดคดีอาญา ดังนั้นอย่าไปคิดเลยว่าจะมีการฟ้อง" นายวิษณุ ระบุ
นายวิษณุ กล่าวว่า และ 3.) เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ที่รับผิดชอบจ่ายเงินดังกล่าว จะมีส่วนต้องรับผิดด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องดูอีกครั้ง สำหรับผู้สูงอายุบางส่วนที่รับเงินเบี้ยยังชีพคนชราและซ้ำซ้อนกับเงินสวัสดิการอื่น ก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 15,300 คน เมื่อตรวจสอบรายละเอียดเหลือผู้สูงอายุที่รับเงินซ้ำซ้อนประมาณ 6,000 คน
ส่วนนี้จำเป็นที่ต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยยังชีพคนชราไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าไม่นาน โดยปกติผู้สูงอายุจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ 3 ส่วนคือ เบี้ยยังชีพคนชรา หากเจ็บป่วยจะได้รับเบี้ยผู้พิการ ถ้าฐานะยากจนจะได้บัตรคนจนด้วย ซึ่งระเบียบของเบี้ยคนพิการและบัตรคนจนไม่ได้ห้ามรับเงินบำนาญ จึงไม่มีปัญหา จึงเหลือแค่เบี้ยยังชีพคนชราอย่างเดียวที่ต้องไปแก้ไข และหยุดจ่ายส่วนนี้ไปก่อน
รองนายกฯ กล่าวว่า "วันนี้ขอให้ผู้สูงอายุสบายใจได้ว่าไม่ติดคุกแน่ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลระบุว่ามีผู้สูงอายุที่รู้ข่าวแล้วตกใจจึงรีบเอาเงินมาคืน มียอดรวมทั้งหมด 130 ล้านบาท ส่วนจะต้องพิจารณาคืนเงินกลับไปให้ผู้สูงอายุที่คืนเงินมาแล้วหรือไม่นั้น โดยหลักเรื่องลาภที่มิควรได้ เมื่อคุณเอามาคืนและถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะมาขอคืนไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการชำระหนี้ และถือว่ารัฐรับกลับคืน เว้นแต่จะผ่อนผันให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังคิดอยู่"
ส่วนในอนาคตมีแนวคิดที่จะทำให้ผู้สูงอายุรับเงินได้ทั้งสองทางหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่ขอตอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของนโยบาย"