กระทรวงแรงงาน เตรียมนำทีมร.พ.กล้วยน้ำไท มอบทุน - สร้างอาชีพทั่วประเทศ ในโครงการ “ให้ทุน สร้างอาชีพ” หลักสูตรวิชาชีพการดูแลผู้สูงอายุ ช่วยเหลือเยาวชน สตรีที่ว่างงาน ตกงาน ผู้ด้อยโอกาส
ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เปิดเผยว่า เนื่องจากทั่วโลกต่างเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เด็กเกิดใหม่ลดลง ผู้สูงอายุเริ่มมากขึ้น ประเทศไทยก็เช่นกัน รัฐบาลไทยจึงกำหนดให้สังคมสูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากอัตราส่วนของวัยแรงงาน ต้องรับภาระเลี้ยงดูผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่เข้าสู่ภาวะพึ่งพิงสูงขึ้นไปอีก
ผู้สูงอายุบางรายสุขภาพยังแข็งแรง สามารถทำงาน ช่วยเหลือและดูแลตัวเองได้ แต่ยังมีผู้สูงอายุอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการคนดูแล ในส่วนนี้เองที่รัฐบาลต้องจัดบริการดูแลและควรจัดให้มีขึ้น ความต้องการมีบุคลากรเพื่อทำหน้าที่ในด้านดังกล่าว เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว การรับประทานอาหาร รวมไปถึงดูแลเรื่องสุขภาพ ความเป็นอยู่ในทุกรูปแบบจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทยได้จัดทำโครงการ “ให้ทุน สร้างอาชีพ” หลักสูตรวิชาชีพการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อช่วยเหลือเยาวชน สตรีที่ว่างงาน ตกงาน ผู้ด้อยโอกาส และขาดแคลนทุนทรัพย์ที่ต้องการศึกษาในหลักสูตรระยะสั้นและต้องการมีงานทำที่มั่นคง ได้เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิชาชีพการดูแลผู้สูงอายุเป็นระยะเวลา 6 เดือน ณ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
โดยจะได้รับการสนับสนุนทุนเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดหลักสูตร เมื่อจบการศึกษาจะได้เข้าทำงานในกลุ่มเครือบริษัทกล้วยน้ำไทเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้นสามารถเลือกทำงานต่อหรือไปทำงานที่องค์กรอื่นได้ โดยในวันที่ 30 มกราคม 2564 ที่จะถึงนี้ จะได้นำทีมผู้บริหารจากโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทและคณะ ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้สนใจสมัครเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว
และหลังจากนั้นจะได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปภาคเหนือและอิสาน เพื่อเปิดโอกาสให้เข้าถึงครอบคลุมทั้งประเทศ โดยหวังว่ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับการศึกษาจะได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีโอกาสก้าวหน้าด้านการประกอบอาชีพและมีงานทำต่อไป
“การทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุเป็นงานที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมีความสุข มีอิสระที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพตามที่ตนต้องการ ถึงแม้สภาพร่างกายจะเสื่อมถอยไป และมีโรคเรื้อรัง ต่าง ๆ อยู่ก็ตาม ดังนั้น จะต้องปรับการดูแลให้เหมาะสม โดยหลักสำคัญ คือ ต้องให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นสามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง โดยพึ่งพาผู้อื่นน้อยที่สุด และมีความสุขกายสบายใจในบั้นปลายของชีวิต” รมช. แรงงาน กล่าวท้ายสุด