เลขาธิการ อย. เผยคืบหน้ารับขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาจากประเทศอิตาลีแล้ว ใช้ฉีดภาวะฉุกเฉิน 5 หมื่นโดส เข้าไทย ก.พ.นี้
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด -19 ของแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศอิตาลี แล้ว หลังจากทางบริษัทฯ ส่งเอกสารเกือบ 10,000 หน้า มาขอขึ้นทะเบียนในไทย เพื่อใช้ฉีดภาวะฉุกเฉิน ตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2563
โดยทางอย. ใช้เวลาเกือบ 1 เดือน ในการพิจารณาถึงเรื่อง ประสิทธิภาพ คุณภาพ และ ความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยวัคซีนดังกล่าวจะถึงไทยในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จำนวน 50,000 โดส ทั้งนี้สำหรับใบอนุญาตการนำเข้า และ ทะเบียนวัคซีนนี้ มีระยะเวลา 1 ปี โดยเมื่อวัคซีนถึงไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะดำเนินการสุ่มตรวจวัคซีนว่ามีคุณภาพตามที่บริษัทกำหนดไว้หรือไม่ ก่อนนำไปใช้ฉีดให้กับประชาชน จากนั้นทางบริษัท จะทยอยส่งวัคซีนที่เหลืออีก 150,000 โดส ตามมาภายใน ในเดือนมีนาคมและเมษายนต่อไป
“สำหรับการผลิตวัคซีนโควิด ของแอสตราเซเนกา ในไทยที่ร่วมกับ สยามไบโอไซเอนซ์นั้น ก็จะมีการขึ้นทะเบียนสถานที่ผลิตในไทย ซึ่งจะมีผลให้สามารถใช้ได้ในประเทศไทยทันที ในเดือนพ.ค.2564” นพ.ไพศาล กล่าว
ขณะเดียวกัน ใน blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดสำคัญที่น่าสนใจของวัคซีนตัวนี้ว่า
1.) สามารถเก็บที่อุณหภูมิตู้เย็นธรรมดา 2-8 องศาเซลเซียส จึงสะดวกในการขนส่งและนำวัคซีนไปฉีดตามสถานพยาบาลต่างๆโดยเฉพาะประเทศในเขตร้อน เช่น ประเทศไทย
2.) ราคาไม่แพง เพราะทางบริษัทประกาศว่าจะไม่นำวัคซีนตัวนี้มามีเป้าหมายหลักในการทำธุรกิจ จึงทำให้มีราคาของวัคซีนค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับวัคซีนตัวอื่นๆ
3.) บริษัทยอมให้ประเทศที่มีความพร้อม นำเทคโนโลยีของตนเอง ไปผลิตวัคซีนเองได้ โดยคิดค่าใช้จ่ายถูกกว่าซื้อวัคซีนสำเร็จรูปไปใช้
4.) ประสิทธิภาพของวัคซีนไม่ได้สูงมากเท่ากับวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ(mRNA) แต่ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ (62-90% เทียบกับ 94-95%)
คาดว่าจะมีบริษัทต่างๆ ทยอยนำวัคซีนของตนเองซึ่งขึ้นทะเบียนแล้วในต่างประเทศ มาจดทะเบียนในประเทศไทยต่อไป ซึ่งรวมถึงบริษัท Sinovac ของประเทศจีน บริษัท Pfizer และ Moderna ของสหรัฐอเมริกา
ทำให้ประเทศไทยเรามีทางเลือกมากขึ้น ที่จะพิจารณาการฉีดวัคซีนได้มากกว่าหนึ่งตัว
ในส่วนวัคซีนของบริษัท AstraZeneca มีแผนที่จะนำเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์นี้ 50,000 เข็ม และจะนำเข้ามาอีกในเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ อีก 150,000 เข็ม
โดยวัคซีนล็อตนี้ เป็นวัคซีนที่ผลิตขึ้นในประเทศอิตาลี
ในส่วนที่ประเทศไทยจะผลิตวัคซีนเอง โดยใช้เทคโนโลยีของบริษัท AstraZeneca จะเริ่มนำมาฉีดได้จริงในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป จำนวนรวมทั้งสิ้น 26 ล้านเข็มต่อเนื่องกันไปจนถึงสิ้นปี
Reference
https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000006349
https://www.nytimes.com/interactive/2020/science/coronavirus-vaccine-tracker.html
https://tna.mcot.net/latest-news-619927
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2529319
ที่มา : blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย