หลังจากที่เริ่มมีการนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของประเทศต่าง ๆ จากหลายบริษัทผู้ผลิตมาใช้ ก็มีกระแสของผลข้างเคียงต่าง ๆ นานาออกมา จนเกิดเสียงวิจารณ์ในวงกว้างถึงความกังวลในผลลัพธ์ที่อาจกระทบชีวิตพอสมควร

เพราะต้องยอมรับว่าการเร่งผลิตวัคซีนในครั้งนี้มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูง เนื่องจากระยะเวลาการพัฒนาและทดสอบวัคซีนส่วนใหญ่สั้นมากเพียง 10 เดือน ซึ่งถือว่าสั้นกว่าวัคซีนโรคอุบัติใหม่ก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้เวลาพัฒนาและทดสอบกัน 2 - 5 ปี ขึ้นไป เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าวัคซีนที่ได้มานั้นใช้ได้ผล ปลอดภัย และป้องกันเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ไปเป็นชนิดย่อย ๆ ได้ครอบคลุมที่สุด

แต่กับโควิด-19 ที่เหมือนว่าวัคซีนจะต้องเร่งพัฒนาแข่งกับเวลา จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุด รวมทั้งเดิมพันด้วยเศรษฐกิจของโลกใบนี้ที่หยุดชะงักไปเพราะไวรัสทำพิษ มันกลายเป็นการบีบแบบไม่มีทางเลือกนอกจากเร่งทำมันออกมาให้เร็วที่สุด

แน่นอนว่าความเร็วที่ได้มาจากการเร่งผลิตนั้นย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากใครติดตามข่าวจะพบว่าการฉีดวัคซีนในตอนนี้ เริ่มมีผู้รับวัคซีนหลายรายเกิดอาการแพ้ ทั้งแบบเบาๆ และรุนแรงถึงขนาดต้องเข้าห้องไอซียู และส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ๆ

ทั้งนี้วัคซีนที่ดูจะมีปัญหาเรื่องผลข้างเคียงมากที่สุดก็เป็นของบริษัท Pfizer/BioNTech จากสหรัฐอเมริกา ที่เป็นบริษัทแรก ๆ ที่เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วในหลายประเทศ และเริ่มมีผู้มีอาการแพ้วัคซีนให้เห็นตามที่เป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปริมาณไม่มากเท่ากับสัดส่วนของผู้ที่ได้รับวัคซีนทั้งหมด แต่บางรายก็มีอาการรุนแรงมากจนต้องเข้าห้องฉุกเฉินอย่างที่กล่าวไป ซึ่งเป็นแพทย์ในประเทศเม็กซิโก ที่เกิดอาการช็อกวัคซีนแทบจะทันทีที่ได้รับ

ไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลของสหราชอาณาจักรถึงกับต้องนำเอกสารกำกับยาของวัคซีนจากบริษัท Pfizer/BioNTech เผยแพร่ขึ้นบนเว็บไซต์ทางการของรัฐบาล เพื่อแจ้งไปยังประชาชนพร้อมกับคำเตือนสำหรับผู้ที่จะมารับวัคซีนที่จะต้องทำความเข้าใจให้เรียบร้อยว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในข้อต้องห้ามรับวัคซีนเหล่านี้ ซึ่งผู้เขียนได้สรุปย่อมาให้จากเอกสารของ “Regulatory approval of Pfizer/BioNTech vaccine for COVID-19” อัปเดตเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ Gov.uk ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อของไทยยังไม่ค่อยพูดถึงหรือนำเสนอ

- วัคซีนโควิด-19 ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีสภาวะภูมิแพ้

- บุคคลที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือผู้ที่มีโรคเลือดออกซึ่งจะห้ามการฉีดเข้ากล้ามไม่ควรได้รับวัคซีน

- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงบุคคลที่ได้รับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน อาจมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนลดลง รวมทั้งผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้ม

- วัคซีนไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และทารกในครรภ์

- วัคซีนไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ภายในไม่กี่เดือนหลังจากได้รับวัคซีน

- ผู้ได้รับวัคซีนจะไม่สามารถให้นมบุตรได้

- ผลข้างเคียงของวัคซีนอาจส่งผลกระทบให้มีอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ส่งผลต่อความสามารถในการขับขี่หรือใช้เครื่องจักรชั่วคราว

- มีอาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยที่สุดจากกลุ่มทดสอบอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้แก่ อาการปวดบริเวณที่ฉีด (> 80%) ความเมื่อยล้า (> 60%) ปวดศีรษะ (> 50%) ปวดกล้ามเนื้อ (> 30%) หนาวสั่น (> 30 %), ปวดข้อ (> 20%) และ เป็นไข้ (> 10%) และมักจะมีความรุนแรงน้อยหรือปานกลางและจะหายภายในไม่กี่วันหลังการฉีดวัคซีน

- พบความผิดปกติของต่อมน้ำเหลือง ระบบภูมิคุ้มกัน และความผิดปกติของระบบประสาท

- ในบางรายพบอาการอัมพาตที่ใบหน้าส่วนปลายเฉียบพลัน

- อาจมีอาการสูญเสียการรับรสชาติหรือรับกลิ่น เจ็บคอ ท้องเสีย หรืออาเจียน

- หากมีอาการแพ้จากสารออกฤทธิ์หรือส่วนผสมอื่น ๆ ของวัคซีนที่รวมถึงผื่นคันที่ผิวหนัง หายใจถี่ และบวมที่ใบหน้าหรือลิ้น ต้องติดต่อแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทันทีหรือไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

- วัคซีนยังไม่มีการทดสอบหรือทดลองเพื่อหาผลข้างเคียงในระยะยาว

- วัคซีนไม่มีการทดสอบหรือทดลองเพื่อตรวจสอบผลข้างเคียงหากรับประทานร่วมกับยาอื่นๆ ที่กำหนด

- การฉีดวัคซีนอาจไม่สามารถปกป้องผู้ที่ได้รับจากการติดเชื้อ COVID-19 ได้ 100% และยังไม่มีข้อมูลในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือกำลังรับการรักษาเรื้อรังที่ยับยั้งหรือป้องกันการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน

- การฉีดวัคซีนยังไม่ยืนยัน100% ว่าจะป้องกันไม่ให้ผู้รับวัคซีนจะไม่เป็นพาหะแพร่กระจายไวรัสไปสู่ผู้อื่น

- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน เนื่องจากยังไม่เคยมีการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง

- และ 'ไฮไลท์' ของเอกสารดังกล่าวอยู่ที่...หากเกิดอาการเจ็บป่วยส่วนบุคคล หรือ 'เสียชีวิต' อันเป็นผลมาจากการรับวัคซีน รัฐบาลสหราชอาณาจักรและผู้ผลิตวัคซีนจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

นี่เป็นเพียงข้อมูลที่สกัดได้จากเอกสารกำกับยาของวัคซีนจาก Pfizer/BioNTech ที่เรียบเรียงเป็นภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย แต่ใช่ว่าทุกคนที่รับวัคซีนของบริษัทนี้จะมีอาการดังกล่าวทั้งหมด แต่ถือว่าเป็นเอกสารรัฐบาลสหราชอาณาจักรเผยแพร่ให้ผู้ที่ต้องการจะฉีดวัคซีนต้องศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพื่อให้เกิดผลกระทบกับตัวเองน้อยที่สุด


อ้างอิง: https://www.gov.uk/government/publications/regulatory-approval-of-pfizer-biontech-vaccine-for-covid-19?fbclid=IwAR0iHwRPKxp_BicBt3YRMaVu-kQ4GlD_gytzpaS-8C3MDb_k5pAv86jRvRw