'รัสเซีย-จีน' เตรียมผนึกกำลังเป็นพันธมิตรทางทหาร ข่าวลือนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน? และหากว่าเป็นเรื่องจริง ใครได้รับผลกระทบบ้าง?

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวลือหนาหูออกมาจากที่ประชุมยุทธศาสตร์ในเครมลินว่า วลาดิเมียร์ ปูตินมีความคิดที่จะจับมือเป็นพันธมิตรด้านการทหารกับจีน เพื่อสร้างแสนยานุภาพคานอำนาจของสหรัฐ และชาติพันธมิตร NATO หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรหนักจากพันธมิตรชาติตะวันตก

แหล่งข่าวรัสเซียเปิดเผยว่า ปูตินออกความเห็นกลางที่ประชุมในเรื่องนี้ไว้ว่า ถึงแม้ตอนนี้รัสเซียจะยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผนึกกำลังกับกองทัพจีนในตอนนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ในเชิงทฤษฎี เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

ถ้าเปิดแง้มๆมาแบบนี้ ก็แสดงว่าการผนึกพันธมิตรการทหารร่วมกันระหว่างรัสเซีย - จีน มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าจำเป็นจริง ๆ

และการผนึกกำลังร่วม รัสเซีย-จีน ก็จะสร้างความกังวลให้กับประเทศในแถบยุโรปไม่น้อย อาจลามมาถึงย่านเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะเขตพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ที่จะทำให้เกิดบรรยากาศมาคุ ตึงเครียดยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะหากมองในแง่กองกำลังทหาร ถึงแม้รัสเซีย และ จีน จะไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลก แต่จากการจัดอันดับของ US News สื่อข่าวของสหรัฐ ให้รัสเซียเป็นเบอร์ 2 ส่วนจีนตามมาไม่ห่างเป็นเบอร์ 3 ถ้าเบอร์ 2 กับ เบอร์ 3 รวมกันได้จริง ก็ยากที่จะต่อกร

แต่คำถามคือ รัสเซีย - จีน กลายเป็นพันธมิตรเนื้อแท้ต่อกันได้จริง ก็อาจเขย่าบัลลังก์ชาติมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกก็ได้ แต่ทำไมถึงไม่คิดจะร่วมมือกันตั้งแต่แรก ก็อาจเข้าตำรา หมี - มังกร อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้

ถึงแม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะดูเหมือนเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในแง่เศรษฐกิจ การค้า และมีเมกาโปรเจคท่อก๊าซไซบีเรียส่งตรงถึงจีนที่มีความยาวเกือบ 4,000 กิโลเมตร กับสัมปทานน้ำมัน 30 ปีที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านเหรียญ และที่สำคัญคือ ใช้เงินหยวน-รูเบิล เป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขาย

ในแง่การทหาร ดูผิวเผินก็เหมือนจะไปด้วยกันได้ เนื่องจากทางรัสเซียมีการแชร์เทคโนโลยีข้อมูลด้านอาวุธกับจีน ส่วนจีนก็สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ SU-35 และขีปนาวุธรุ่นล่าสุด S-400 จากรัสเซีย การซ้อมรบร่วมกันก็มีอย่างต่อเนื่อง เวลาเจอหน้ากันระหว่าง 2 ผู้นำ ปูติน - สี่ จิ้นผิง ในเวทีโลกก็แลดูชื่นมื่น

แต่การผสานเป็นพันธมิตรด้านการทหารจนเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างหมีขาว และมังกรแดงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

เพราะการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นขนาดนั้น มันก็ต้องไปด้วยกันได้ทุกเรื่อง และแสดงจุดยืนไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะผิดหรือถูกนั่นเป็นเรื่องที่คุยกันหลังบ้านทีหลัง ดังเช่น นโยบายของกลุ่ม NATO EU หรือ Five Eyes แต่เรายังไม่เห็นภาพนั้นชัดเจนระหว่าง รัสเซีย - จีน ไม่ว่าจะเป็นกรณีการผนวกไครเมีย จีนก็ไม่ได้ยืนข้างรัสเซีย ส่วนข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ทางรัสเซียก็ขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย

แถมรัสเซียยังเปิดดีลซื้อขายอาวุธกับอินเดียในช่วงที่จีนและอินเดียมีข้อพิพาทกันอย่างรุนแรงในเขตอัคไซชิน บริเวณรอยต่อชายแดนเทือกเขาหิมาลัย ที่จีนมองว่าเป็นการหักหลังของรัสเซีย และความไม่พอใจของชาวจีนก็ลามไปถึงงานฉลองครบรอบ 160 ปีกรุงวลาดิวอสต็อค เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ชาวเน็ตจีนพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงว่า เมืองวลาดิวอสต็อคนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ถูกกองทัพรัสเซียมาแอบยึดไปตอนช่วงสงครามฝิ่นต่างหาก

เรื่องการผนึกกำลังกันระหว่างรัสเซีย - จีน เคยมีกระแสมานานแล้ว ที่เคยทำให้บารัค โอบาม่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐหัวเราะหยันว่าเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะลึก ๆ แล้ว 2 ประเทศนี้ไม่เคยไว้ใจกัน ถ้าคบค้าซื้อขายกันตรง ๆ แบบหมูไป ไก่มา ก็พอได้ แต่ถ้าจะให้ร่วมหัวจมท้าย แบบไปไหนไปกันนั้นยากที่จะเกิดขึ้น

ลองคิดดูว่า มีหรือที่รัสเซียจะยอมเอากระดูกมาแขวนคอ ด้วยการออกเรือรบมาช่วยจีนยันกับเรือรบสหรัฐในย่านทะเลจีนใต้ แล้วเรื่องอะไรที่จีนจะยอมส่งทหารสนับสนุนรัสเซียในประเทศบ้านแตกอย่างซีเรียให้ขาดทุนเปล่า ๆ ปลี้ ๆ แต่ในทางกลับกัน ออสเตรเลียยอมควักเงิน ออกทุนส่งทหารไปหนุนกองทัพสหรัฐในสงครามอาฟกานิสถาน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

แม้แต่มองในแง่พันธมิตรด้านการค้า ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่รัสเซียก็ไม่อยากพึ่งพาจีนมากจนสุดตัว เพราะหากใครที่ได้ลองทำธุรกิจ ซื้อขายกับจีนก็คงพอรู้อยู่ในความละเอียดถี่ถ้วน (เขี้ยว) และคงไม่มีประเทศไหนที่อยากจะเอาเศรษฐกิจของตัวเองไปผูกกับจีนจนกระทั่งกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ เพราะอาจนำมาซึ่งข้อต่อรองที่ไม่พึงประสงค์ในภายหลัง

ดังนั้นการกำเนิดพันธมิตรกู้โลก รัสเซีย - จีน จึงไม่ต่างจากความเห็นของปูตินในที่ประชุมยุทธศาสตร์เรื่องการผสานกองทัพระหว่างรัสเซีย-จีน เป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติจริงคงต้องเหลือไว้เป็นแผนสุดท้ายที่สิ้นสุดทางเลือกแล้วจริง ๆ

แต่หลังจากที่รัสเซียโดนสหรัฐ และ EU เล่นงานอ่วมตั้งแต่ประเด็นการผนวกดินแดนไครเมียในปี 2014 กับจีนที่โดนสหรัฐบี้หนักเรื่องสงครามการค้าในสมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ และหากทีท่าอันเป็นปฏิปักษ์แบบสุดขั้วของสหรัฐต่อ รัสเซีย และ จีน ที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามยังคงดำเนินอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 5 - 10 ปีข้างหน้า การผนึกพันธมิตรผิดฝาระหว่าง รัสเซีย - จีน อาจไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดเดียว ดังคำพูดที่ว่า ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

ในเมื่อโลกนี้ไม่เคยมีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น


แหล่งข่าว

https://www.themoscowtimes.com/2020/12/02/is-putin-really-considering-a-military-alliance-with-china-a72207

https://apnews.com/article/beijing-moscow-foreign-policy-russia-vladimir-putin-1d4b112d2fe8cb66192c5225f4d614c4

https://www.usnews.com/news/best-countries/power-rankings

https://thediplomat.com/2020/08/is-putins-russia-seeking-a-new-balance-between-china-and-the-west/

https://indianexpress.com/article/explained/explained-why-160-year-old-vladivostok-has-a-chinese-connection-6493278/

https://www.reuters.com/article/us-ukraine-crisis-china-idUSKBN1520AN