Saturday, 17 May 2025
WEEKEND NEWS

กมธ.งบฯ ถกเครียด 'งบคลัง' เจอ หนี้บนพรมพรึบ หนี้ใต้พรมเพียบ ค่าดอกเบี้ยพุ่ง จัดเก็บพลาด ประเมิน ศก.ผิด

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.งบฯ ได้พิจารณาสัปดาห์แรกจบไปแล้ว เป็นในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจและกระทรวงการคลัง รวมถึงธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ สิ่งที่พบเจอ ล้วนแต่น่าหนักใจ

1. หนี้บนพรมพรึบ หนี้ใต้พรมเพียบ : นอกจากหนี้สาธารณะ 4.4 ล้านล้านบาท ที่ถูกสร้างใหม่ขึ้นใน 8 ปี ยังเจอกับหนี้ที่ไม่ถูกบันทึกเป็นหนี้สาธารณะจากมาตรการกึ่งการคลังอีกราว 1 ล้านล้านบาท และพุ่งแรงต่อเนื่องจากมาตรการด้านการเกษตรของรัฐบาล เป็นรายจ่ายก้อนโตทุกๆปี ที่ต้องตั้งงบประมาณจ่ายไปยัง ธกส. เป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญแทบไม่มีข้อมูลเลยว่ารัฐบาลใช้อะไรไปบ้าง ยอดคงค้างเท่าไหร่ ชำระเป็นอย่างไร กมธ.จากพรรคเพื่อไทยได้เรียกขอเอกสารไปทั้งหมด ต้องติดตามกันดูต่อ

2. ค่าดอกเบี้ยพุ่ง : การใช้หนี้สาธารณะในส่วนของ สบน. ปีนี้เป็นดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสูงถึง 192,126 ล้านบาท เกือบ 3 เท่าของการชำระเงินต้น ภาษีประชาชนถูกนำไปใช้หนี้แต่ไปจมอยู่ที่ค่าดอกเบี้ย ยังไม่รวมค่าดอกเบี้ยจากหนี้ใต้พรมอีก นี่คือต้นทุนอันมหาศาลของการกู้เงินและการสร้างหนี้สาธารณะไปเรื่อยๆ ซึ่งในระยะหลังๆเป็นการกู้ที่ไม่สร้างรายได้ให้กับประเทศ

3. ประเมิน ศก. ฝันหวาน : ภาพที่เห็นที่ห้อง กมธ.งบฯ นั้นหน่วยงานที่ชี้แจงเสนอภาพที่เต็มด้วยความหวัง ในขณะที่ฝั่ง กมธ. กลับเห็นภาพที่น่าเป็นห่วง เหมือนอยู่กันคนละประเทศ ต้องเจอทั้งเรื่องเงินเฟ้อ ผลจากการต่อสู้เงินเฟ้อของ FED ต้นทุนการผลิตพุ่ง รวมถึงผลกระทบหากไทยต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย การคาดการณ์ GDP สำหรับปี 66 (ซึ่งใช้ทำงบ) ที่ 3.7% ยังคงตัวเลขเดิมตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แม้จะมีปัจจัยลบใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

'กรณ์' อึ้ง!! 'ค่ากลั่นน้ำมัน' ขึ้นพรวด 10 เท่าในปีเดียว  เหตุใดรัฐปล่อยบริษัทน้ำมันฟันกำไรได้ขนาดนี้

'กรณ์' เปิดราคาน้ำมัน คนไทยโดนปล้น ค่ากลั่นน้ำมันขึ้นพรวด 10 เท่าในปีเดียว ย้ำรัฐอย่าปล่อยฟันกำไร ประชาชนเดือดร้อน กองทุนน้ำมันติดลบใกล้แสนล้าน เสนอกำหนดเพดานค่ากลั่นป้องกันค้ากำไรเกินควร เสนอเก็บ 'ภาษีลาภลอย' บริษัทน้ำมัน นำกำไรส่วนเกินช่วยประชาชน 'อรรถวิชช์' เตรียมยกร่างแก้ไขกฎหมาย เสนอร่างให้รัฐบาล-สภาฯ พิจารณา

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี  เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงถึงวิกฤตพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ยังราคาต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียนด้วยกัน เพราะมีการใช้กองทุนน้ำมันมาชดเชยราคาหน้าปั๊ม แต่วันนี้สถานะกองทุนน้ำมันติดลบ 86,000 ล้านบาท หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจติดลบทะลุ 1 แสนล้านบาทในสิ้นเดือนนี้ กองทุนน้ำมันจึงอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถกู้สถาบันการเงินได้อีก แม้ในอนาคตราคาน้ำมันโลกจะลดลง แต่ก็ยังเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจำนวนมาก เพื่อชำระหนี้กองทุนที่ติดลบอยู่ จึงกลายเป็นภาระในอนาคตของประชาชน

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้คนไทยกำลังโดนปล้นจากค่ากลั่นน้ำมัน จากข้อมูลราคาค่ากลั่นน้ำมันในช่วงเวลาเดียวกันปี 2563 อยู่ที่ 0.88 บาทต่อลิตร , ปี 2564 อยู่ที่ 0.87 บาทต่อลิตร , แต่ปี 2565 กระโดดมาอยู่ที่ 8.56 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 เท่า เท่ากับค่ากลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ไปเพิ่มตามราคาตลาดน้ำมันสิงคโปร์ ทั้งที่ต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้น กลายเป็นภาระประชาชน ภาระกองทุนน้ำมัน แต่ทำไมรัฐปล่อยให้ฟันกำไรได้ขนาดนี้

มะกันกระอัก!! 'เบนซิน' แพงพุ่งเป็นประวัติการณ์ ราคาหน้าปั๊มอยู่ที่ 5 ดอลฯ ต่อแกลอน

ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินพรีเมียมหน้าปั๊มพุ่งทะลุ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ จากการเปิดเผยของสมาคมรถยนต์แห่งอเมริกา (AAA) เมื่อวันเสาร์ (11 มิ.ย.)

ราคาระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์มีขึ้นท่ามกลางตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานต่อเนื่องนานหลายเดือน และเป็นตัวแทนข่าวร้ายล่าสุดสำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 5 เดือน ก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมอันสำคัญ

เมื่อ 1 ปีก่อน ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ อยู่ที่แค่ 3.07 ดอลลาร์ ทว่านับตั้งแต่นั้นมันดีดตัวขึ้นมาแล้ว 62%

ในขณะที่ชาวยุโรปคุ้นเคยมาช้านานกับการจ่ายเงินแพงกว่าสำหรับราคาน้ำมันหน้าปั๊ม แต่สำหรับในสหรัฐฯ แล้ว มีการเก็บภาษีน้ำมันในระดับต่ำ นั่นจึงทำให้ชาวอเมริกันผู้ชื่นชอบรถยนต์ต้องอยู่ในภาวะช็อกกับราคาที่พุ่งทะยาน

การพุ่งขึ้นของราคาเบนซิน เป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากครั้งหนึ่งเคยดำดิ่งในช่วงต้นๆ ในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งฉุดรั้งอุปสงค์ทางพลังงาน แต่อุปสงค์ฟื้นตัวขึ้นหลังกิจกรรมเศรษฐกิจโลกกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ราคาน้ำมันพุ่งสูงยิ่งขึ้นอีก หลังจากมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ชาติผู้ผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่ของโลก เริ่มมีผลบังคับใช้

สัญญาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าอยู่ที่ระดับเหนือกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งในตลาดลอนดอน และนิวยอร์ก

'เพื่อไทย' ชี้!! 8 ปี คนจนเพิ่มเป็น 20 ล้านคน  ซัด!! รัฐแก้จนล้มเหลว หากทำไม่ได้ พท.จะทำเอง

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาความยากจนมาตลอดระยะเวลา 8 ปี เหตุใดยิ่งแก้ยิ่งจน บัตรคนจนเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคน ทะยานสู่ 20 ล้านคนแล้วในปีนี้ 

นอกจากนี้ช่วงปลายปี 2563 ยังได้ตั้ง “คณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนฯ” (คจพ.) อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าแผนแก้จนของพลเอกประยุทธ์ ที่ประกาศจะเริ่มดำเนินการในเดือนกันยายน ปี 2565 จะสำเร็จหรือไม่   

เปิด 6 ชาติอาเซียนผนึก 'จีน-รัสเซีย' ต่อกร 'มหาอำนาจโลกเก่า' ที่จ้องเอาเปรียบ

จากสถานการณ์มหาอำนาจโลก อย่างสหรัฐกลุ่มประเทศตะวันตก กำลังเผชิญหน้ากับรัสเซียและจีน รวมทั้งพันธมิตรตะวันออก ซึ่งมีอาเซียนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วย โดยมีความเคลื่อนไหวที่ถูกจับตามองว่าจะเข้ากับฝ่ายไหนนั้น

ล่าสุดวานนี้ (11 มิ.ย. 65) เพจ World Update ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความโดยระบุที่มา AP, VOAthai, Global Time, The Time, ลึกชัดกับผิงผิง (สื่อจีน) และ ข่าวสารอาเซียน ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีข้อความบางส่วนที่สำคัญดังนี้

“กัมพูชา ลาว ติมอร์-เลสเต มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา เร่งขยายความร่วมมือฝ่ายระเบียบโลกใหม่ การแข่งขันหาพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่าง “ฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียวผูกขาด” ที่นำโดยสหรัฐ อังกฤษ ที่ครองอำนาจโลกมานานกว่า 7 ทศวรรษ กับ “ฝ่ายระเบียบโลกใหม่หลายขั้วที่เป็นธรรม” รัสเซีย-จีน 

โดยการแข่งขันชิงอำนาจโลกนี้น่าจะดำเนินไปอีกอย่างน้อย 3 ปี ฝ่ายใดกุมพลังงาน อาหาร อาวุธร้ายแรงไว้ได้ และเน้นใช้พระคุณ ก็จะชนะฝ่ายกุมเงินตรา แต่ใช้พระเดชในที่สุด

สำหรับภูมิภาคอาเซียนนั้น หากใครครองย่านนี้ได้ ก็ย่อมมีผลแพ้ชนะที่สำคัญ โดยฝ่ายระเบียบโลกเก่า พยายามดึงอาเซียนไปเป็นคู่ขัดแย้งกับจีนในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก (NATO-2) โดยฐานยิงขีปนาวุธย้ายจากอาเซียนไปญี่ปุ่น เพื่อช่วยไต้หวัน แต่ในทางกลับกัน Asian - NATO ไม่มีความคืบหน้าใดๆ 

ล่าสุดทางฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่รุกคืบช้าๆ แต่ทว่ามั่นคง เริ่มจาก...

>> #กัมพูชา 
จีนเดินหน้าช่วยต่อเติมฐานทัพเรือเรียม เมืองสีหนุวิลล์ในอ่าวไทย มูลค่าราว 4,640 หยวน (24,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับศักยภาพของกองทัพเรือกัมพูชา ในทางลับ จีนให้กัมพูชายืมเรือดำน้ำมาใช้ และเพิ่งส่งอาวุธหนักปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง รถหุ้มเกราะ ยานลำเลียงพล ฯลฯ จำนวนมากมาให้ประจำการ

>> #เมียนมา
จีนให้ยืมเรือดำน้ำมาใช้ในการปกป้องทะเลอันดามัน ชายฝั่งเมืองเจ้าก์ผิ่ว เป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือดะญะวดีของกองทัพเรือ โดยเป็นต้นทางท่อก๊าซและน้ำมันของจีน ที่วางพาดผ่านพื้นที่เมียนมาขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามชายแดนที่รัฐฉาน ส่งก๊าซและน้ำมันเข้าไปในจีนทางมณฑลยูนนาน และเป็นปลายทางของระเบียงเศรษฐกิจจีน-พม่า ที่รัฐบาลจีนใช้เป็นเส้นทางออกสู่ทะเลทางมหาสมุทรอินเดียที่สั้นที่สุด

โดยบริษัทของรัฐบาลจีนกำลังมีการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกอยู่ในเมืองเจ้าก์ผิ่ว เมียนมาในขณะนี้ รวมทั้งจีนได้สนับสนุนเครื่องบินรบ ขีปนาวุธ ยานเกราะ รถลำเลียงพล อากาศยานโดรน ปืนสงครามอิเล็กทรอนิกส์สอยโดรน ฯลฯ 

นอกจากนี้ยังทำรางรถไฟเจาะทะลุภูเขาจากยูนาน เพื่อเชื่อมการเดินทางกับพม่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว คล้ายเชื่อมกับลาวทางตอนเหนือ

>> #ลาว 
ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากกองทัพรัสเซีย เบลารุส เช่น สนามบินทหาร เครื่องบินรบ ขีปนาวุธ รถถัง โดยขนย้ายเข้ามาจากท่าเรือผ่านประเทศเวียดนาม 

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.ต.กราเยฟ ดิมิทรี วราดิมีโรวิช หัวหน้าสำนักงานผู้แทนกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ประจำลาว ได้เดินสายเยี่ยมหน่วยทหารในพื้นที่ หลวงพระบาง และแขวงไซยะบูลี ภาคเหนือของลาว พร้อมช่วยเสริมเขี้ยวเล็บ ตรวจสอบ ประเมินสภาพอาวุธยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะที่มี ให้การช่วยเหลือปรับปรุงให้ทันสมัย 

>> #เวียดนาม 
สำหรับเวียดนามนั้น ได้สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ที่นำโดยรัสเซีย - จีน - อินเดีย แล้ว มีประชากรรวมกันกว่า 40% ของโลก ทำให้มีตลาดผู้บริโภค และฐานการผลิตขนาดใหญ่ ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก 

โดยในปี 2021 มีมูลค่าการค้าร่วมกันราว 16.6 ล้านล้านบาท มีอัตราเพิ่มขึ้น 39.2% ต่อปี และมีระบบ “ศุลกากรอัจฉริยะ” เชื่อมต่อระหว่างกัน

'ไบเดน' จวก บ.พลังงาน โกยเงินบนความทุกข์ เจอสวนกลับ!! น้ำมันแพง เพราะนโยบายรัฐ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โวยวายใส่เอ็กซอน ยักษ์ใหญ่พลังงานสัญชาติอเมริกันเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย.) กล่าวหาบริษัทแห่งนี้ "กำลังโกยเงินมากกว่าพระเจ้า" ในขณะที่ประชาชนชาวสหรัฐฯ กำลังเผชิญความทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตาม ทางเอ็กซอน ออกมาตอบโต้ว่าพวกเขาได้ยกระดับกำลังผลิตแล้ว ในขณะที่พวกฝ่ายอนุรักษ์นิยมกล่าวโทษราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ว่า มีต้นตอจากนโยบายต่างๆ ของไบเดนเอง

ระหว่างแถลงข่าวที่ท่าเรือในลอสแองเจลิส ไบเดนหยิบยกแพะรับบาปต่างๆ กล่าวโทษว่าเป็นต้นตอของราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ และเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ในนั้นรวมถึงภาคอุตสาหกรรมขนส่ง และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เช่นเดียวกับปัญหาติดขัดในห่วงโซอุปทาน

ในเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ไบเดนล็อกเป้าไปที่เอ็กซอน บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ สำหรับการซื้อหุุ้นคืน (stock buyback) แทนที่จะนำสภาพคล่องที่เหลือจากการดำเนินงานเหล่านั้นไปลงทุนขยายกิจกรรมการขุดเจาะ

"เอ็กซอนทำเงินมากกว่าพระเจ้าเสียอีกในปีนี้" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว "สิ่งแรกที่ผมอยากพูดก็คือ พวกบริษัทน้ำมันไม่ได้ขุดเจาะเพราะพวกเขาจะทำเงินมากขึ้น หากไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มเติม"

ไบเดน กล่าวต่อว่า "อย่างที่ 2 คือ เหตุผลที่พวกเขาไม่ขุดเจาะก็คือ พวกเขากำลังซื้อหุ้นของตัวเองคืน ซึ่งบอกตรงๆ มันควรเสียภาษี" เขาระบุ "เอ็กซอนควรเริ่มลงทุนและเริ่มจ่ายภาษีของคุณ ขอบคุณ"

อย่างไรก็ตาม โฆษกของเอ็กซอน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์บส์ ว่า ที่จริงแล้วทางบริษัทได้ยกระดับการขุดเจาะในแหล่งหินน้ำมัน Permian Basin ใต้รัฐเทกซัส 70% ระหว่างปี 2019 ถึง 2021 และเพิ่มศักยภาพการกลั่นในภูมิภาคแถบนี้มากกว่า 50% ในปี 2022 เมื่อเทียบกับปี 2021"

นอกจากนี้ ทางโฆษกของเอ็กซอน ให้ข้อมูลว่าทางบริษัทขาดทุนมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 และเสียภาษีในปี 2021 ถึง 40,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ราว 17,800 ล้านดอลลาร์

ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และความกังวลทางเศรษฐกิจ คือ 3 ลำดับแรกในประเด็นที่ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งให้ความสำคัญมากที่สุด และในผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยเอบีซีนิวส์เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีชาวอเมริกันชนมากถึง 71% ที่ไม่พอใจ ไบเดน ในความพยายามควบคุมเงินเฟ้อ และอีก 72% ไม่พอใจประธานาธิบดีรายนี้ในความพยายามฉุดราคาเชื้อเพลิงให้ลดต่ำลง

'ก.อุตฯ' เผย ค่าเงินบาทอ่อน ส่งผลบวก ศก.อุตฯ ไทย  แนะภาคธุรกิจบริหารความเสี่ยง หันใช้วัตถุดิบทางเลือก

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลการศึกษาผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย ชี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงส่งให้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยขยายตัว เป็นผลบวกต่อการส่งออกและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (RGDP) แม้ภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น พร้อมแนะนำผู้ประกอบการให้ความสำคัญในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน บริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้วัตถุดิบทางเลือกอื่นเพื่อทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบหลัก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้ศึกษาผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย โดยพบว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบัน (ณ วันที่ 7 มิ.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 34.46 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับวันที่ 30 ธ.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมโดยรวม 

เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นบวกต่อการส่งออก ทำให้สินค้าไทยมีราคาถูกลงและสามารถส่งออกได้มากขึ้น แม้ว่าในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่เมื่อพิจารณาโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมพบว่า การอ่อนค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ แตกต่างกันตามสัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง และสัดส่วนการส่งออกสินค้า โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบน้อยและมีสัดส่วนการส่งออกมากจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ 

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ผลกระทบของการอ่อนค่าของเงินบาทโดยใช้แบบจำลองเศรษฐมิติมหภาค กรณีถ้าหากเงินบาทอ่อนค่าลงร้อยละ 5 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (RGDP) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.35 มูลค่าการส่งออกเมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.14 มูลค่าการนำเข้าเมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.94 

ด้านการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 เนื่องจากผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.31 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.57 

ทั้งนี้ จากการศึกษาข้อมูลปัจจัยการผลิตและผลผลิต สามารถแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทแบ่งเป็น 4 กลุ่ม

'ก้าวไกล' ก้าวต่อ ขอทวงคืน 'ทรงผม' ให้ตำรวจ  'สั้น-ยาว' ได้ ขอแค่ 'สุภาพ-เรียบร้อย'

‘ปฏิรูปตำรวจ’ ไม่จริง ‘สารวัตรเพียว’ สะท้อน เสียงข้างน้อยแพ้โหวต ‘กระจายอำนาจ’  ยืนยัน ‘ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาลขอปรับโครงสร้างตำรวจใหม่ เผย สัปดาห์หน้าสู้ต่อ ‘ทวงคืนทรงผม’ ให้ตำรวจ

พันตำรวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หรือสารวัตรเพียว แสดงความเห็นต่อบรรยากาศการพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ วาระที่ 2 ซึ่งเป็นการพิจารณารายมาตราช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สามารถพิจารณาไปได้เพียง 14 มาตราจาก 172 มาตรา เท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีหลายมาตราที่ตนในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยได้สงวนความเห็นเอาไว้ หากผ่านก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตำรวจ ทำให้ตำรวจไทยดีขึ้นได้ทันที โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจไปให้จังหวัด ลดการรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่องค์กรตำรวจญี่ปุ่นใช้ โดยทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นองค์กรตำรวจที่ดีอันดับต้นๆ ของโลกและมีบริบทที่คล้ายคลึงกันไม่ว่าการเป็นรัฐเดี่ยวหรือการเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 

พันตำรวจตรี ชวลิต กล่าวต่อไปว่า ในการอภิปรายมาตรา 13  กรรมาธิการเสียงข้างมากมีการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ต่อจากมาตรา 13 หลายมาตรา ตนจึงได้ขอเพิ่มใหม่เช่นกันเพื่อไปสู่ข้อเสนอสำคัญคือ การกำหนดให้มี ‘กรรมการนโยบายตำรวจจังหวัด’ และ ‘กรรมการนโยบายตำรวจนครบาล’ และเป็นข้อเสนอที่ภูมิใจที่จะบอกว่า เป็นการปฏิรูปได้เต็มปาก

“การจัดโครงสร้างอำนาจแบบที่ผมเสนอจะเปลี่ยนระบบราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้ แต่ถึงสภานี้โหวตให้ข้อเสนอไม่ผ่าน อย่างน้อยก็จะเป็นพื้นที่ที่ทำให้ประชาชนทางบ้านได้เห็นว่า รัฐบาลก้าวไกล ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะถึงจะพลิกเปลี่ยนระบบราชการไทยให้มีประสิทธิภาพ มีอนาคตที่สดใส เทียบประเทศที่เจริญแล้วได้อย่างไร”

พันตำรวจตรี ชวลิต กล่าวต่อไปว่า การบริหารองค์กรยุคใหม่ต้องเลิกสายบังคับบัญชาที่ยาว ทำให้ระบบงานอุ้ยอ้าย เปลี่ยนเป็นสายบังคับบัญชาสั้นลง เคารพกันมากขึ้น เจ้านายเคารพลูกน้อง ลูกน้องเคารพเจ้านาย
เปลี่ยนจากโครงสร้างที่ต้องให้เจ้านาย กด ขี่ ควบคุม ลูกน้อง เจ้านายถูกเสมอ ใช้อำนาจแบบบนลงล่าง
เปลี่ยนเป็น โครงสร้างที่ให้ความสำคัญกับคนหน้างาน โดยเจ้านายเป็นผู้สนับสนุนทรัพยากร ให้ลูกน้องทำงานได้ดี ทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน การจะเปลี่ยนอนาคตให้เป็นแบบนี้ได้ จะต้องทำลายโครงสร้างอำนาจแบบรัฐรวมศูนย์

ตอนอภิปรายในมาตรา 7 เราเห็นปัญหางบประมาณ เพราะจากส่วนกลางคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นหน่วยรับและจัดงบ กว่าจะไหลหยดไปทีละชั้น ก็มองแต่อะไรใกล้ตัว จนกลายเป็นงบซื้อเครื่องบิน สร้างตึกหรู ทำให้งบที่ไหลลงตำรวจภาคเหลือน้อยกว่าที่ควรจะเป็น พอไปถึงระดับตำรวจภาคก็ทำแบบเดียวกัน กว่าจะถึงสถานีตำรวจ คนหน้างานที่บริการรับใช้ประชาชนก็ขาดแคลนงบตลอดเวลา

สำหรับการจัดโครงสร้างอำนาจใหม่ให้เป็นการกระจายมากกว่าเป็นรัฐราชการรวมศูนย์ พันตำรวจตรี ชวลิต อภิปรายว่า ต้องทำให้สายบังคับบัญชาสั้นลง โดยตัดอำนาจบังคับบัญชาระหว่างตำรวจภาคกับตำรวจจังหวัด และตัดอำนาจบังคับบัญชาระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับตำรวจนครบาล แล้วเปลี่ยนจากอำนาจบังคับบัญชาให้เป็นการสนับสนุน จากนั้นจึงให้มี ‘คณะกรรมการนโยบายตำรวจจังหวัด’ และ ‘คณะกรรมการนโยบายตำรวจนครบาล’ มาเป็นผู้บังคับบัญชาแทน เพื่อให้สามารถดูแลจัดการพื้นที่ได้ตามสภาพแต่ละจังหวัดที่มีบริบทแตกต่างกันไป

สำหรับคุณสมบัติหรือที่มาของ คณะกรรมการนโยบาย ได้เสนอให้ คณะกรรมการนโยบายตำรวจนครบาล มาจาก ‘ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร’ สรรหามาจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ ในทางด้านนิติศาสตร์ การบริหารรัฐกิจ การเงินการคลัง จิตวิทยาองค์การ และสังคมวิทยา ด้านละหนึ่งคน และให้ สภา กทม. รับรอง ส่วนของจังหวัดแต่ละจังหวัด ก็ทำไปในกระบวนการลักษณะเดียวกัน และกำหนดให้ตั้งอนุกรรมการทำหน้าที่ต่างๆ เช่น ติดตามผลการดำเนินงานและรับเรื่องร้องเรียน การประชุมต้องโปร่งใส ประชาชนเข้าถึงรายงานการประชุม และมติการประชุมได้ง่าย

“โครงสร้างอำนาจแบบกระจายอำนาจแบบนี้ เอาแบบมาจากตำรวจญี่ปุ่น พ.ร.บ. ตำรวจ ญี่ปุ่น วางโครงสร้างไว้ตั้งแต่หลังจบสงครามโลก โดยไม่แก้เลยเป็นเวลา 70 ปีแล้ว ผลก็คือได้รับการจัดอันดับให้เป็นองค์กรตำรวจที่ดีอันดับต้นๆ ของโลก นี่คือพิสูจน์มาแล้ว ประเทศไทยคงไม่ต้องมาลองผิดลองถูกอีกแล้ว การปรับนิดๆ หน่อยๆ แต่ยังคงความเป็นอำนาจรวมศูนย์เหมือนเดิมไม่ใช่การปฏิรูป การปฏิรูปตำรวจ จริงๆ คือ ต้องกระจายอำนาจให้เกิดขึ้นจริง”

INTERLINK บินลัดฟ้า สู่ภาคเหนือ จัดงาน Golf VIP Thank You Party 2022 (11 - 12 มิ.ย. 65)

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดทริปพิเศษให้แก่ลูกค้า VIP กลุ่ม Consultant มาร่วมตีกอล์ฟกระชับมิตร ณฺ สนามกอล์ฟ ซัมมิท กรีนวัลเลย์ เพื่อแสดงความขอบคุณกลุ่มลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณภาพ ของผลิตภัณฑ์ LINK รวมถึงอุปกรณ์ Cabling and Networking ด้วยดีเสมอมา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top