Tuesday, 29 April 2025
CRIMES

แถลงจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากลหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะ การกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ศิลปคมณ์  เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร  แก้วเวหล ผกก.4 บก.สส.สตม. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม นายจอห์นเด็ก หรือ MR.NAVJOT (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 195/2563 ข้อหา “ฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”

นายจอห์นเด็ก นั้นเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2562 ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีพฤติการณ์คือประกอบกิจการค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบังหน้าบริเวณย่านพาหุรัด และเป็นผู้ติดต่อประสานงานการโอนเงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติดเพื่อซื้อทองคำจากร้านขายทองคำในประเทศไทย และนำทองคำหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดส่งกลับไปยังเครือข่ายค้ายาเสพติด  ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนหาข่าว ติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้โดยตลอด จนกระทั่ง ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีบุคคลต่างด้าวลักษณะเหมือน นายจอห์นเด็ก หรือ MR.NAVJOT (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 195/2563 อยู่บริเวณถนนสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณดังกล่าว จนพบกับผู้ต้องหาเดินอยู่อยู่ริมถนนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นผู้ต้องหาจริง จึงแสดงหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 195/2563 ให้แก่ผู้ต้องหาดูและอ่านข้อความในหมายจับให้ผู้ต้องหาฟังผ่านล่ามแปลภาษา รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับในหมายจับดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อนแต่อย่างใด จึงจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

จับอีก!! APP เงินกู้จีนดอกเบี้ยโหด จ.ภูเก็ต พบลูกหนี้กว่า 20,000 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากลหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สิทธิชัย  โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ศิลปคมณ์  เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุม

นายเลี่ยวฯ อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ในข้อหา “ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีไว้เพื่อนำออกซึ่งใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สืบเนื่องจาก การขยายผลการจับกุมเครือข่ายปล่อยเงินกู้พื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ทำการสืบสวนขยายผลพบว่า เครือข่ายดังกล่าวย้ายไปอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และยังมีพฤติการณ์โทรทวงเงินพร้อมดอกเบี้ยโหดกับลูกหนี้ที่กู้เงินผ่านแอปพลิเคชั่นชื่อ “พลูตัส แค็ท โปร” (Plutus cat pro) ซึ่งแอปฯ ดังกล่าว ลักลอบเปิดสำนักงานอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายค้นและเข้าค้นยังอาคารเป้าหมาย

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 พบนายเลี่ยว อายุ 27 ปี สัญชาติจีน โดยรับว่าเป็นผู้ควบคุม ดูแล จัดการ และจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน ระหว่างการเข้าค้น พบพนักงานจำนวน 19 คน และทำการตรวจยึดทรัพย์สินและเอกสารที่น่าเชื่อว่ามีไว้ใช้หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น สมุดบันทึกรายชื่อลูกหนี้, ซิมการ์ด, โทรศัพท์มือถือ และ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รวมจำนวน 43 รายการ จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัวของนายหลิวฯ พบรายชื่อลูกหนี้ กว่า 20,000 ราย สอบถามพนักงานให้การว่าจะต้องโทรทวงหนี้ให้ได้วันละ 10-15 ราย ซึ่งจะได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000-15,000 บาท และค่าคอมมิชชั่น 8 บาท ต่อการทวงหนี้ได้ 1 ราย โดยจะให้ลูกหนี้ชำระเงินเข้าบัญชีธนาคารที่นายเลี่ยวฯ จ้างเปิดบัญชีไว้ ชุดสืบสวน ศปชก.สตม. จึงดำเนินการจับกุมนายเลี่ยวฯ ส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

แก๊งมอดไม้มุกดาหาร ไปไม่รอด!! หลังขับรถตกคูน้ำ ก่อนเผ่นหนีไป

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 นายวีระ ใสแก้ว เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.2 (ดงหลวง) อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ได้รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกไม้แปรรูป ตกลงไปในคูน้ำข้างถนนเปรมพัฒนา สายดงหลวง - นาแก จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ออกไปทำการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 4 ล้อยี่ห้อมิตซูบิชิ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 80 - 7151 มุกดาหาร ตกลงไปในคูน้ำข้างถนนจนพังเสียหายไม่สามารถขับต่อไปได้ เมื่อตรวจสอบที่บริเวณกระบะบรรทุกด้านหลังพบไม้แปรรูปซุกซ่อนอยู่โดยมีผ้าสแลนคลุมอำพรางไว้ จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายแม้ไม้แปรรูปดังกล่าวไปทำการตรวจตรวจสอบและนับจำนวนพบว่า เป็นไม้แปรรูปประเภทไม้มะค่าโมงจำนวน 31 แผ่น ขณะทำการตรวจสอบไม่พบคนขับรถคันดังกล่าว คาดว่าได้หลบหนีไปก่อนพี่เจ้าหน้าที่จะมาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้ทำการตรวจยึดไม้แปรรูปและรถบรรทุกดังกล่าวไว้เป็นของกลางพร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรดงหลวง ในฐานความผิดมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และซ่อนเร้นจำหน่าย หรือพาช่วยเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวน สอบสวน หาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / พวงเพชร-เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับตำรวจทางหลวง ร่วมกันสกัดจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดกว่า 8 ล้านเม็ด คาด่านฯ ธัญบุรี

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.,พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. และกองบังคับการตำรวจทางหลวง โดย พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล., พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รอง ผบก.ทล. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดกวดขันผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทุกรูปแบบทุกพื้นที่

โดย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤศณัฎฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ผกก.สส. บก.สส. บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส. บช.น. ทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญพร้อมขยายผล กระทั่งทราบว่า มีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ลพบุรี มีพฤติกรรมลักลอบลำเลียงยาเสพติดส่งขายให้กับลูกค้าในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้รถยนต์ประกอบด้วย

1.รถยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน บว 6745 ลพบุรี

2.รถยนต์โตโยตต้า วีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน 4กอ 3517 กทม.

3.รถยนต์ซูซุกิ เซียส สีเทา หมายเลขทะเบียน 6 กฮ 2781 กทม.

ในการลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคอิสาน พื้นที่จังหวัดเลย โดยใช้เส้นทางถนนหมายเลข 21 (พุแค-หล่มสัก) เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ซึ่งชุดจับกุมได้ติดตามดูพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งสืบทราบว่า นายธรรมธัชกับพวก  ไปรับยาเสพติดและนำมาพักไว้ในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี จึงได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมตลอดเส้นทาง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจัดชุดสืบสวนตลอดเส้นทาง  

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. เฝ้าติดตาม กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหามาถึงบริเวณ  กม.26 มุ่งหน้าบางนา ถนนกาญจนาภิเษก หน้าด่านเก็บเงินธัญบุรี 1 จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. สกัดจับกุมไว้ได้ ได้ผู้ต้องหา 4 ราย คือ 1.นายธนกิจ ปลูกนิกร 2.นายธรรมธัช โสภา 3.นายวรกันต์ ในชัยภูมิ และ 4.นายสันติสุข นาควัน พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 7,950,000 เม็ด หลังจากนั้นได้นำผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ตำรวจทางหลวง จะดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อกวดขัน  ผู้กระทำความผิดบนเส้นทางหลวงอย่างเคร่งครัด หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวง

 

‘พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ’ รอง ผบช.สตม.ตรวจเยี่ยม จุดตรวจ จุดสกัด จุดคัดกรอง การเดินทางเข้า-ออก จังหวัดสมุทรปราการ

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ให้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

วันที่ 17 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 16.30 น. พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. เดินทางมาตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดสกัด จุดคัดกรองการเดินทางเข้า - ออก ป้องกันการแพร่ระบาด โรคไวรัสโควิด-19 จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ถ.สุขุมวิท(ขาเข้า) ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

พบ พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ , เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจ

ทั้งนี้ ได้แสดงความห่วงใยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิต เนื่องจาก ห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และอวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ปลอดภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19

ทั้งนี้ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่

จันทบุรีก็มี! กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกาศรวมตัวสนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย ปราศรัยขับไล่นายกรัฐมนตรี 'พลเอกประยุทธ' โดยมี อดีต สส.พรรคเพื่อไทยแบบบัญชีรายชื่อร่วมด้วย

กลุ่มผู้ชุมชมเคลื่อนไหวทางการเมือง จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวกัน ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ด้วยระบบ carmob โดยใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหะนะในการรวมกลุ่ม ซึ่งมีรถยนต์กว่า 60 คัน และรถจักรยานยนต์ เกือบ 100 คัน  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคนจนถึงสูงอายุ เข้าร่วมกว่า 200 คน 

นำโดยนายธีรภัทร์ วงษ์ศรีวรโชติหรือนายสำเริง / นายเสริม ศรีสวัส  ป๋าแก่) / นายชินวัฒน์  หาบุญพาด อดีตสมาชิกวุฒิสภาแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายปกร ฐานเดช (ป๋าเสริม) ซึ่งการชุมนุม ได้เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายตลอดเวลา แต่กลุ่มผู้ชุมชุน ไม่ยอมแพ้  มีการ ขึ้นปราศรัย เป็นช่วง ๆ โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อเป็นเวที พร้อมติดป้าย ตามรถต่าง ๆ ด้วยคำพูดโจมตี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี  

จากนั้นได้มีการเคลื่อนขบวนไปยังตัวเมืองจันทบุรี ขณะเดียว ใช้รถประกาศขับไล่ซึ่งระหว่างการชุมนุมนั้นได้มีการพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาโดยมีการขับไล่ด้วยคำพูด ”คนจันทบุรีไม่ทนคนจังไรประยุทธ์ออกไป” และมีการพูดถึงประเด็นการนำวัคซีนการบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด-19 ที่ล้มเหลวรวมทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ ตลอดระยะเวลา  2 ชั่วโมง โดยแกนนำจะสลับสับเปลี่ยนกันพูด หลังจากนั้นได้กลับมารวมตัวกัน ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชยตามเดิม เพื่อทำการเคารพธงชาติ ในเวลา 18.00 น.


ภาพ/ข่าว  ผู้สื่อข่าวจันทบุรี

กลุ่มเชียงราย No เผด็จการ ร่วมกับคนเสื้อแดงเชียงราย จัดคาร์ม็อบรอบเมือง ยื่นหนังสือ 2 สภ. เรียกร้อง ทำงานเพื่อประชาชน อย่าทำงานเพื่อนักการเมือง!! ขอไม่ใช้ความรุนแรงกับม็อบหากส่งกำลังควบคุมฝูงชุนไปร่วมที่กรุงเทพฯ

เวลา 16.30 น.วันที่ 15 ส.ค.64 ที่หน้า สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ แกนนำกลุ่มเชียงราย No เผด็จการ ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย จัดคาร์ม็อบครั้งที่ 3 โดยมีรถยนต์เข้าร่วมขบวนกว่า 50 คัน รถจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยได้รวมตัวกันที่หน้า สภ.บ้านดู่ เพื่อยื่นหนังสือให้กับ ผกก.สภ.บ้านดู่ มีเนื้อหาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน โดยไม่เข้าข้างนักการเมือง หลังจากอ่านแถลงการแล้วได้มอบหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดู่เพื่อส่งมอบให้กับ ผกก.บ้านดู่

จากขบวนรถคาร์ม็อบได้เคลื่อนขบวนจาก หน้า สภ.บ้านดู่ ไปยัง สภ.เมืองเชียงราย โดยใช้เส้นทาง มุ่งหน้าแยกไฟแดงวัดห้วยปลากั้ง เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปแยกบ้านใหม่ เลี้ยวขวาตรงไป สภ.เมืองเชียงราย โดยที่ สภ.เมืองเชียงราย ได้ยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.อ.โสภน ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย โดยมีเนื้อหา ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงราย ที่จะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่กรุงเทพฯ ไม่ใช้ความรุนแรง กับผู้ชุมนุม อย่างที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากที่อ่านแถลงการณ์แล้ว ก็ได้มอบหนังสือให้กับ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย เพื่อส่งให้กับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

โดยระหว่างทางได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ผู้ที่ขับจักรยานยนต์ที่นำขบวนคาร์มอบเปียกฝนแต่ขบวนก็ไม่ได้หยุด และยังเคลื่อนต่อไปโดยใช้เส้นทางผ่านหน้า สภ.เมืองเชียงราย มุ่งหน้าแยกแม่กร เลี้ยวซ้าย เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้าแยกมังราย  ระหว่างทางก็ได้มีการบีบแตรรถ แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว โดยรถแต่ละคันได้ติดป้ายต่อว่าการทำงานของรัฐบาล ป้ายเสียดสีการเมือง เรียกร้องวัคซีน  ก่อนจะรวมตัวกันทำพิธีสาปแช่งนากรัฐมนตรี และแยกย้ายกัน

ฟังเสียงประชาชน! ลำปางจัดขบวน #Carmobsลำปาง ขับไล่พลเอกประยุทธ์ ครั้งที่ 2 มีรถเข้าร่วมกว่า 1,000 คัน

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 15 ส.ค. 2564 ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ บริเวณสวนสาธารณะเขลางค์นคร อ.เมืองลำปาง กลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน มธ.ศูนย์ลำปางได้มีการจัดขบวน #carmobsลำปาง โดยเคลื่อนขบวนเวลา 16.00 น.จุดเริ่มต้น สวนสาธารณะเขลางค์ฯ - สามแยกโรงน้ำแข็ง - สวนอากง- วงเวียนหน้าสถานีรถไฟ- แยกดอนปาน - โรงเรียนมัธยมวิทยา - โรงเรียนประชาวิทย์ - ห้าแยกหอนาฬิกา-กาดออมสิน - มิวเซียมลำปาง - หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง -แล้ววกกลับมาที่ ถนนหน้าที่ทำการไปรษณีย์ไทย- ถนนทิพย์ช้าง -กลับไปยังจุดเริ่มขบวนสวนสาธารณะเขลางค์ฯ โดยมีรถนำขบวนรถแห่คันที่ 1 รถจักรยานยนต์มวลชน รถน้ำ รถยนต์มวลชน รถแห่คันที่ 2 รถยนต์มวลชนและ รถปิดท้าย กล่าวถึงการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 โดยมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าร่วมขบวนกว่า 1,000 คัน เคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางดังกล่าวพร้อมกับบีบแตร ชู 3 นิ้วรอบเมือง แสดงพลังขับไล่นายกฯ ก่อนขบวนจะหยุดอ่านแถลงการณ์หน้าจวนผู้ว่าฯ โดยมี ตร.จราจร สภ.เมืองลำปางดูคอยดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย

ทั้งนี้ #carmobs ลำปางที่จัดขึ้น มีผู้ร่วมอุดมการณ์แสดงเจตนารมย์ในการขับไล่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อขบวนไปถึงหน้าจวนผู้ว่าฯแกนนำได้กล่าวแถลงการณ์ถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิด การจัดหาวัคซีน การรักษาทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก การแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ เพื่อไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ และให้พลเอกประยุทธ์และ ครม.ลาออก ก่อนเคลื่อขบวนกลับที่จุดเดิมและประกาศสิ้นสุดกิจกรรมก่อนแยกย้ายกันกลับในเวลา 18.00 น. โดยได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ สังเกตุการณ์และรักษาความสะดวกเรียบร้อยจำนวนมาก

"โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากจัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมาเพื่อร้องให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน ประชาชนจับมือและร่วมใจกันลงถนน เพื่อเรียกร้องการมีชีวิตรอดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่รัฐบาลไม่สนใจ นอกจากนี้ยังตอบแทนความหวังดีด้วยการใช้ความรุนแรง การออกมาขับไล่รัฐบาลทรราชย์ จึงเป็นหน้าที่ของประชาชน “ แกนนำกลุ่มฯกล่าว


ภาพ/ข่าว  วินัย / ลำปาง รายงาน

“ไม่ให้ผ่าน ไม่ให้ขาย ไม่ให้เสพ” ศอ.ปส.จ.ชุมพรโชว์ผลงาน รวบผู้ค้ายาทั้งยาบ้าและไอซ์มูลค่านับล้าน

วันนี้ 13 สค. 64 เวลา 10.30 น. ณ ค่าย อส.จ.ชุมพร นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ. ชุมพร ,นายพิทักษ์   พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน จังหวัดชุมพร(อส.จ.ชุมพร) ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดทั้งยาบ้า จำนวน 8,000 เม็ด ,กัญชา 1 แท่ง และยาไอซ์ มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัม

นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ.ชุมพร เปิดเผยว่า การจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการจับกุม จากผู้ค้ายาบ้า จากวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้สืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาอีก 2 ครั้งในวันที่ 8 และ 12 สิงหาคม 2564 จึงได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจโชคชัยวางแผนเข้าจับกุมกลุ่มผู้ค้ายา

โดยในวันที่ 8 สิงหาคม 2564  มีบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ได้นำกล่องสินค้ามาวางไว้บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ ซ.รุ่งเรือง ต.ปากน้ำชุมพร แต่ผู้ค้ายาเสพติดไหวตัวทัน จึงหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ จึงตรวจยึดของกลางทีมีการบรรจุเป็นหีบห่อด้วยผ้าขนหนูขนาดใหญ่ เพื่อพรางตบตาเจ้าหน้าที่ ภายในพบยาบ้า 1 ห่อ นับได้จำนวน 8,000 เม็ด

ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาได้สืบทราบว่า จะมีการส่งมอบของอีกครั่ง โดยมีคน 2 คนออกไปรับของ จึงซุ่มดูบริเวณโรงแรมในพื้นที่ของ ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร พบมีผู้ต้องหา 2 คนมารับของ จึงได้จับกุมพร้อมของกลางพบเป็นยาไอซ์จำนวน 2 กิโลกรัม จึงทำการบันทึกจับกุมและนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชุมพรเพื่อดำเนินคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครองต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

รวบแล้ว!! ‘เจ๊เจี๊ยบ’ หัวหน้าขบวนการ ขนแรงงานลงประจวบฯ กก.สส.บก.ตม.3 แถลงการจับกุมตัว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ 

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 64 เกิดเหตุ รถขนคนต่างด้าวจำนวน 42 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง จว.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมที่ จุดตรวจประชารัฐ อ.คลองวาฬ จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจากการตรวจสอบพบ นายพีระ เป็นผู้ขับขี่ เบื้องต้นจากการซักถามคนต่างด้าวให้การว่าจะเดินทางกลับพม่าทางช่องทางด่านสิงขร โดยได้จ่ายค่าดำเนินการประมาณ 5,000-8,000 บาท ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าในกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวมีผู้ติดโควิด-19 จำนวน 16 คน จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมตัวกลุ่มคนต่างด้าวและคนขับรถดังกล่าวไว้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ เสียก่อน

ต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนขยายผล นายพีระ โดยนายพีระ ได้รับสารภาพทราบว่า ตนเป็นคนขับรถของบริษัท มีชื่อแห่งหนึ่ง ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้รับคำสั่งจากนายจ้างชาวไทยให้มารับคนต่างด้าวกับนายหน้าชาวไทยที่ จว.สมุทรสาคร เพื่อเดินทางไปยังด่านสิงขร จว.ประจวบฯ หลังจากรับคนงานแล้วจึงได้รับค่าดำเนินการจำนวนหนึ่งจากนายหน้า พร้อมทั้งได้ข้อมูลผู้ประสานงานที่ จว.ประจวบฯ โดยเมื่อเดินทางไปถึงให้ประสานงานกับ น.ส. เจี๊ยบ เพื่อจะได้นัดหมายพบกันต่อไป ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.3 ทำให้ทราบภายหลังว่าเป็น น.ส.วณิชย์นารา ซึ่งนอกจากกระทำความผิดในคดีนี้แล้ว ยังตรวจสอบพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดตาก ที่ จ.115/2564 ข้อหาฉ้อโกง จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบแหล่งกบดาน

ต่อมาวันที่ 10 ส.ค. 64 จึงได้เข้าจับกุมตัว น.ส.วณิชย์นารา ได้ที่บริเวณหน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่กบดานของ น.ส.วณิชย์นารา โดยเบื้องต้นจากการตรวจค้นพบพยานหลักฐานทั้งการติดต่อสื่อสารและด้านการเงินสอดคล้องกับคำให้การของ นายพีระ ซึ่งฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top