Tuesday, 29 April 2025
CRIMES

ตม.จว.กาญจนบุรี รวบ!! สาวเมียนมาลักลอบเป็นม้าวิ่งรถขนบุหรี่ นำเข้าผิดกฎหมาย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.๓ และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรีมีความเข้มงวด และกวดขันจับกุมผู้กระผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ได้ทำการสืบสวนทราบว่า มีขบวนการที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่บริเวณชายแดนซึ่งมีการหลบหลีกไม่เข้า-ออกตามช่องทางที่ถูกต้อง ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นต้นเหตุของโรคแพร่ระบาดในปัจจุบัน โดยในกรณีนี้สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศ เข้ามาโดยไม่มีการผ่านช่องทางด่านตรวจที่ถูกต้องซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ก่อนจับกุมชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรีได้สืบทราบว่า มีการลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศจากชายแดนพุน้ำร้อนเข้าไปส่งยังตัวเมืองกาญจนบุรี โดยมีลักษณะแอบแฝงขนส่งหลายแบบทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถบรรทุก ซึ่งเฝ้าติดตามข้อมูลจึงทราบว่าคนร้ายจะมีการลักลอบขนโดยใช้รถจักรยานยนต์ ใช้ผู้หญิงเป็นคนขับขี่แต่งกายอำพรางดูคล้ายเป็นชาวสวนในพื้นที่ เมื่อทราบขอมูลและช่วงเวลาจึงได้วางแผนจับกุมโดยบูรณาการกับกำลังหน่วยต่างๆ ตั้งจุดสกัดหลายจุดเนื่องทั้งเส้นหลักและเส้นรองเนื่องจากคนร้ายมีความชำนาญเส้นทาง ต่อมา ขณะที่ชุดจับกุมตั้งจุดสกัดที่บริเวณ ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้พบบุคคลลักษณะคล้ายกับข้อมูล

ทางสืบสวนได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจคน ผลการตรวจคนพบว่า ผู้ขับขี่คือนางตีตีเอ สัญชาติ เมียนมา อายุ 37 ปี ถือวีซ่าแรงงาน สิ้นสุดการอนุญาตไปตั้งแต่ 31 มี.ค. 63 ท้ายเบาะขนกล่องการะดาษขนาดใหญ่ ตรวจค้นด้านในบรรจุบุหรี่ต่างประเทศ ยี่ห้อ “MARBLE” สีแดง 300 ซอง และยี่ห้อ “TEXAS” คละสีอีกจำนวน 100 ซอง สอบถามรับว่าเป็นบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษี จึงได้จับกุมพร้อมยึดของกลางส่งดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหา “นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งของที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการสิ้นสุด” ตรวจยึดของกลาง บุหรี่ต่างประเทศ ยี่ห้อ MARBLE และ TEXAS รวมกัน 400 ซอง  และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ จำนวน 1 คัน

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่ารับจ้างจากคนไทยในตัวเมืองกาญจนบุรีให้ขับรถจักรยานยนต์จากตัวเมืองกาญจนบุรีมารับบุหรี่ของกลาง ในลักษณะที่เรียกกันทั่วไปว่าเป็นม้าวิ่งรถไปรับของแทนโดยได้ค่าจ้างในการทำงานเที่ยวละ 400 บาท โดยแต่ละวันจะทำได้ 1-2 เที่ยว แล้วแต่จะได้รับสั่งงาน ซึ่งก็รับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ในส่วนบุคคลอื่นที่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องนั้นทางตม.จว.กาญจนบุรีจะทำการสืบสวนขยายผลต่อไป 

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th

กก.สส.บก.ตม.3 จับแขก! ปล่อยเงินกู้ดอกโหด ชาวบ้านร้องทนไม่ไหว หลังตรวจสอบไม่พบใบอนุญาต และปล่อยดอกเบี้ยอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

เนื่องด้วย กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีกลุ่มคนต่างด้าวโดยเฉพาะพวกแขกได้มาปล่อยเงินกู้นอกระบบ ลักษณะผ่อนดอกเบี้ยรายวัน ทั้งยังเรียกเก็บดอกเบี้ยกับแม่ค้าพ่อค้าในอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับในสถานการณ์โควิดนี้ ทำให้การทำมาค้าขายเป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อนายทุนแขกมาเรียกเก็บเงินก็ติดตามรังควานสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก กก.สส.บก.ตม.3 และ ตม.จว.ราชบุรี ได้ร่วมกันระดมกวาดล้างจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ 3 ราย มีรายละเอียดดังนี้

หลังจากได้รับการร้องเรียน ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ได้ลงพื้นที่ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ทำการสืบสวนได้ข้อมูลว่า จะมีคนลักษณะคล้ายแขกอินเดียใช้พาหนะเป็นจักรยานปั่นอยู่ในซอยศิริชัยเก็บเงินกู้อยู่หลายจุด ทราบชื่อภายหลังว่ารายนี้คือ

นาย กังโอตรี หรือบังปาน อายุ 52 ปี สัญชาติ อินเดีย ถือวีซ่าอยู่แบบใช้ชีวิตปั้นปลาย ชุดสืบสวนเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่ระยะหนึ่งจนเห็นว่า เป้าหมายตระเวนปั่นจักรยานเก็บเงินกู้ซ้ำ ๆ ทุกวันเวลาเดิม ต่อมา ขณะที่ชุดสืบสวนซุ่มดูอยู่ พบว่าบังปานได้จอดรถรอเก็บเงินสังเกตเห็นหญิงสวมเสื้อสีแดงคนหนึ่ง คาดว่าเป็นลูกค้า นำเงินเป็นธนบัตรชนิด 100 บาท มายื่นให้ ชุดสืบสวนจึงได้เข้าไปขอตรวจค้นในทันที ผลการตรวจค้นก็พบว่ามีธนบัตรชนิด 100 อยู่หลายใบและพบโทรศัพท์มือถือบันทึกรายชื่อลูกค้าอยู่หลายราย สอบถามหญิงคนดังกล่าวให้ข้อมูลว่ากู้ยืมเงินกับบังปานจำนวน 3,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 โดยจะหักดอกเบี้ยออกก่อนแล้วจะผ่อนชำระเป็นรายวัน วันละ 100 บาท จนครบ 30 วัน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี จึงได้ควบคุมตัวบังปานพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตรวจยึดของกลาง เป็นธนบัตร ชนิด 100 บาท จำนวน 23 ฉบับ และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

นายกังโอตรีหรือบังปาน ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่าประกอบธุรกิจด้านนี้ทั้งปล่อยเงินกู้และขายสินค้าเงินผ่อน โดยหากเป็นเงินกู้จะคิดร้อยละ 10 ต่อเดือน และหากเป็นสินค้าเงินผ่อนจะคิดดอกเบี้ยมากกว่านั้นแล้วแต่กรณีซึ่งลูกค้ารายย่อยจะมีการกู้เงินตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนบาทก็มี โดยมีเพื่อนชาวอินเดียเป็นนายทุนให้ ซึ่งต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.ราชบุรี ขยายผลจับกุมชาวอินเดียซึ่งอยู่ในกลุ่มเครือข่ายลักษณะเดียวกันได้อีกจำนวน 3 ราย ในส่วนผู้ร่วมกระบวนการที่เหลืออยู่จะดำเนินการขยายผลต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th

สืบ ตม.2 รวบหนุ่มจีน! รับจ้างอุ้มบุญ พร้อมปลอมเอกสารพาเด็กออกนอกประเทศ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ        

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 , พ.ต.ท.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ร่วมแถลงข่าว สืบ ตม.2 ร่วมกับ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวคือ ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ในระดับสำนักตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการปฏิบัติระหว่างกัน เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติไม่ให้ลักลอบกระทำความผิดในราชอาณาจักร

นายเอ สัญชาติจีน แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย ด.ช.บี (เกิดในประเทศไทย) อายุประมาณ 1 ปี 2 เดือน เพื่อขอรับการตรวจออกนอกราชอาณาจักร ไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยสายการบินไชน่าอิสเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU542 เมื่อเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออกฯ ตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงประสานเจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ตรวจสอบและจับกุม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า” และนำส่ง พนังานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สืบสวน ตม.1 สนธิกำลังทลาย ‘แก๊งเจ๊หวาน’ ลักลอบขนคนลาวส่งชายแดน ปิดล้อมสกัดจับขบวนรถ รวบได้ทั้งคนขับ ผู้ร่วมขบวนการ พร้อมคนต่างด้าวรวม 34 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชากรณีให้ติดตามขบวนการนำพาช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวให้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือให้ที่พักพิง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังลงพื้นที่หาข่าวทั้งจากสายลับ และโซเชียลมีเดีย พบกลุ่มแก๊งหนึ่งคือแก๊งเจ๊หวาน มีพฤติกรรมในการใช้รถบัสขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่ประจำทาง ให้บริการกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวต่างสัญชาติลาว โดยในการสำรองที่นั่ง จะมีการติดต่อชักชวนผ่าน Facebook โดยมีผู้ใช้ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า“พักก่อน” ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับจองตั๋วและนัดหมายเวลาที่จะขึ้นรถกับคนต่างด้าว โดยระบุค่าใช้จ่ายกับบุคคลต่างด้าวรายละ 1700 บาทถึง 2200 บาท ในการไปรับคนต่างด้าวแต่ละคนตามจุดที่นัดหมาย โดยใช้ทั้งรถแท็กซี่ และรถตู้ ตระเวนรับบุคคลต่างด้าวทั่วกรุงเทพมหานคร และนำไปรวมกันไว้ในที่ลับตาคน เพื่อเตรียมจัดขึ้นรถทัวร์และลักลอบนำส่งบุคคลต่างด้าว กลับออกไปตามด่านพรมแดนต่าง ๆ จำนวน 4 จุดหมายปลายทาง คือ ด่านพรมแดนจังหวัดมุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี และ หนองคาย  ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ทีมสืบสวนใช้สายลับในการติดต่อสอบถาม และนัดหมายการเดินทาง จนทราบว่าขบวนรถจะออกเดินทางในวันใด พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 จึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ทั้งหมดเพื่อวางแผนประกอบกำลังในปฏิบัติการครั้งนี้ทันที

ในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นวันปฏิบัติการ ได้มีรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน นข 4xxx ปราจีนบุรี และ แท็กซี่สีเหลือง ทะเบียน ทส 3xxx กรุงเทพมหานคร เดินทางมารับสายลับตามที่ได้มีการนัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการติดตามดูพฤติกรรมของรถทั้งสองคันดังกล่าวไปห่าง ๆ พบว่าได้มีการทยอยแวะรับบุคคลต่างด้าวตามที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครอีกหลายจุด จนกระทั่งในช่วงสาย จึงได้ทราบว่า รถทั้งสองคันพาสายลับไปพักคอยที่บริเวณใกล้เคียงกับองค์การบริหารส่วนตำบลคลองข่อย มีลักษณะเป็นที่โล่ง มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ มีขอบเขตแนวที่ดินชัดเจน แต่ไม่มีรั้วหรือประตูกั้นสามารถสังเกตการณ์เข้าไปด้านในได้ง่าย ภายในเปิดเป็นอู่ซ่อมสีรถยนต์ มีการตั้งเต็นท์บังแดด และสุขาชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดนั่งพักคอย ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางไปซุ่มรอตามจุดต่าง ๆ

โดยรอบบริเวณดังกล่าว เวลาประมาณ 12:00 น. มีรถโดยสารปรับอากาศหมายเลขทะเบียน 10-2xxx กรุงเทพมหานครขับเข้ามาจอดในพื้นที่ และมีการเรียกคนต่างด้าวและขนสัมภาระขึ้นรถ ก่อนจะตั้งขบวนเดินทางออกจากจุดดังกล่าวในเวลา 12:40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวสังเกตการณ์ในบริเวณใกล้เคียงจึงให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ชุดจับกุม ในการติดตามเรียกรถหยุดเพื่อตรวจสอบ ในขณะเดียวกันกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือเข้าตรวจสอบในพื้นที่พักคอยก่อนขึ้นรถ ผลการตรวจสอบทั้งบนรถทัวร์ รถตู้ รถแท็กซี่ และบริเวณจุดพักคอย พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาว 51 คน และคนไทย 5 คน ผลการสอบปากคำและตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น จำแนกได้ว่าในที่เกิดเหตุมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย 16 คน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 13 คน และในจำนวนนี้ยังมีบุคคลต่างด้าวที่ทำงานให้กับอู่ซ่อมสีรถยนต์ดังกล่าว โดยไม่มีใบอนุญาตทำงานอีก 2 คน

จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดทราบ และแจ้งข้อกล่าวหาให้กับคนไทยในที่เกิดเหตุอีก 5 คน คือนายตรี อายุ 35 ปี, นายทูน อายุ 37 ปี, นายชัย อายุ 50 ปี ทำหน้าที่พนักงานขับรถ, นายบอย อายุ 35 ปี ทำหน้าที่เก็บเงินและติดต่อประสานงาน และนายเก๋ อายุ 50 ปี เจ้าของอู่รถดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาคนไทยทั้งหมดทราบในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการถูกจับกุม” พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา ให้แก่นายเก๋ฯ ทราบอีกส่วนหนึ่งว่า “เป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อนึ่ง ในส่วนของผู้ร่วมขบวนการอื่นๆ ทั้งชาวไทยและชาวลาว กก.สส.บก.ตม.1 จะได้ดำเนินการติดตามจับกุมต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

สืบสวน ตม.1 รวบหนุ่มใหญ่มะกัน อดีตนักธุรกิจดาวรุ่ง เจ้าของฉายา “บิล เกตส์ แห่งวงการหนังโป๊ออนไลน์” ฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้กว่า 70 ล้าน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย 

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติอเมริกันคือนาย John อายุ 48 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีที่ บริษัท เซนทิริ จำกัด ได้ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีกับ บริษัท อิเล็กทรอนิกส์ ทรานแซด เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งมีนาย John เป็นกรรมการ เนื่องจากบริษัทของนาย John ได้ว่าจ้างให้บริษัท เซนทิริ จำกัด ดำเนินการสร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการดักจับมัลแวร์ หรือสแปมต่าง ๆ ที่ส่งทางข้อความเครือข่ายโทรศัพท์ ในราคาว่าจ้างประมาณ 70 ล้านบาท แต่เมื่อทางบริษัท เซนทิริ จำกัด ผู้รับจ้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จและส่งมอบซอฟต์แวร์ ปรากฎว่าทางนาย John กลับอิดออดไม่ชำระค้าจ้าง จึงทำให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อให้บังคับชำระหนี้ และบริษัท อิเล็กทรอนิกส์ ทรานแซด เซอร์วิสเซส จำกัด ถูกศาลแพ่งพิพากษาให้ชำระหนี้ตามฟ้อง แต่นาย John ได้โยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทมาไว้กับตน บริษัท เซนทิริ จำกัด ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับนาย John อีกส่วนหนึ่ง จนกระทั่งสามารถยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลแขวงดุสิต ศาลออกหมายจับที่ 104/2564 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564

ต่อมาจากการแกะรอยเชิงลึก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่าบุคคลต่างด้าวตามหมายจับพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในย่านสาทร จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวจนกระทั่งพบ นาย John เดินทางเข้ามาที่คอนโดมิเนียม มีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขออนุญาตตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามหมาย พบว่านาย John มีสถานะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 20 ปี และในชั้นจับกุมนาย John ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมในความผิดเดียวกันนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบในความผิดฐาน "ฉ้อโกงเจ้าหนี้" และได้แจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบเบื้องตัน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง นาย John นั้นเป็นถึงอดีตนักธุรกิจดาวรุ่งชื่อดัง ผู้บุกเบิกวงการสื่อลามกในโลกออนไลน์ ในช่วงยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจดอทคอมเฟื่องฟู จนติด 1 ใน 50 ผู้บุกเบิกธุรกิจบนโลกอินเตอร์เน็ต จากนิตยสารชื่อดัง โดยได้รับสมญานามจากสื่อแขนงต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจว่า “บิล เกตส์ แห่งวงการหนังโป๊” แต่ด้วยโมเดลทางธุรกิจสื่อลามกที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ทำให้บริษัทของนาย John รวมทั้งตัวเขาเอง ตกเป็นจำเลยในการฟ้องคดีแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายหลายคดี มูลค่านับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุ นาย John ทิ้งอดีตเบื้องหลังของตนและมาเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศไทย

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

เปิดปฎิบัติการสยบไพรีตำรวจ ปปส. ปปง. ทหารปกครอง ยึดทรัพย์แก๊งค้ายาเสพติดฟอกเงินชายแดนแม่สาย "กาก้ามังกรหลับ"

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง.ผบ.ตร.(ปป) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ตำรวจภูธรภาค5 ตชด.ภาค3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมืองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ส.เจ้าหน้าที่ป.ป.ง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนปฎิบัติการสยบไพรี 64/14 เพื่อทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด "กาก้า มังกรหลับ" ในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 45 จุดตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน ลพบุรี สุพรรณบุรี กรุงเทพมหานคร และสุราษฎ์ธานี

โดยผลการปฎิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 24 ราย ยึดทรัพย์บ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง ที่ดิน 4 แปลง คอนโดสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง รถยนต์ 14 คัน รถจักรยานยนต์ 23 คัน อาวุธปืน 8 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 117 นัดโทรศัพท์มือถือ 31 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 52 เล่ม บัตรเอที่เอ็ม 13 ใบพร้อมหลักฐานอื่น ๆ อีก5รายการมูลค่าประมาณ50 ล้านบาท ขณะที่การตรวจสอบบัญชีเงินฝากของกลุ่มบุคคลในเครือข่ายพบว่าในรอบปีมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย "กาก้า มังกรหลับ" มีคดีเกี่ยวข้องในห้วงปี 2563 ถึง 2564 ได้แก่ เมื่อวันที่1สิงหาคม 2563 จับกุมนายวรเดช พรถาวรกุล กับพวกรวมกัน 4 คน พร้อมยาไอซ์จำนวน 50 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 จับกุมนายมนตรี แซ่ลี กับพวกรวมกัน 4 คน พร้อมยาบ้าจำนวน 1.3 ล้านเม็ด ยาไอซ์จำนวน 6 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 จับกุมนายบดินทร์ ตานะสาย กับพวกรวมกัน 2 คน พร้อมยาไอซ์ 100 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2564 จับกุมนายสุพล ลีไพรอุทิศ กับพวกรวมกัน 3 คนพร้อมยาบ้าจำนวน 9.2 แสนเม็ดยา ไอซ์จำนวน 52 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 จับกุมนายกฤษกร ประชุมพรรณ์กับพวกรวมกัน 7 คน พร้อมยาบ้าจำนวน 8 ล้านเม็ด

จากการสืบสวนขยายผลจากคดีข้างต้น ปรากฎพฤติการณ์สอดคล้องว่ากลุ่มชาติพันธ์ในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือทำหน้าที่รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านมาพักรอตามแนวชายแดนไว้ เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่และพื้นที่ตอนในตามคำสั่งการของผู้ค้ารายสำคัญที่อยู่ระหว่างหลบหนี โดยมีการโอนเงินค่ายาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารซึ่งกลุ่มเครือข่ายได้ว่าจ้างให้กลุ่มชาติพันธ์ในพื้นที่เปิดไว้รอการโอนเงินจากลูกค้าอีกทอดหนึ่ง หลังจากนั้นจะมีกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ใช้บัญชีทำธุรกรรมแทนทำการถอนเงินสดจากตู้เอที่เอ็มหรือโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง เพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งเป็นการถือครองแทนเจ้าของยาเสพติดที่แท้จริงนำไปประกอบธุรกิจ เพื่อให้ดูเสมือนเงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง และนำบางส่วนลักลอบนำออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อส่งต่อไปให้กับกลุ่มเจ้าของยาเสพติดและกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดซึ่งหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  สันติ วงศ์สุนันท์ ผู้สื่อข่าวเชียงราย

บช.ปส.นำทีม สนธิกำลัง เปิดปฏิบัติการแผนสยบไพรี 64/14 ทลายแก๊งค้ายาเสพติด “กาก้า มังกรหลับ” ค้น 35 เป้าหมายทั่วประเทศ ยึดทรัพย์รวม 50 ล้านบาท

เวลา 05.00 น.วันที่ 24 ส.ค.64  พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.ได้นำกำลังตำรวจ กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ตำรวจภูธร ภาค 5 ทหาร ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ตชด.ภาค 3 และฝ่ายปกครอง เปิดปฏิบัติการแผนสยบไพรี 64/14 เพื่อทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด "กาก้า มังกรหลับ" ในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 35 จุด ทั่วประเทศ โดย จ.เชียงราย 23 จุด  จ.เชียงใหม่ 7 จุด จ.น่าน 2 จุด กรุงเทพฯ 1 จุด จ.สุราษฎร์ธานี 1 จุด และ จ.แม่ฮ่องสอน 1 จุด โดยผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 17 ราย ยึดทรัพย์ บ้านพร้อมที่ดิน 4 หลัง อาคารพาณิชย์ 2 คูหา ที่ดิน 1 แปลง รถยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท

โดยปฏิบัติการมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเครือข่าย แก๊งกาก้า มังกรหลับ โดยมีคดีเกี่ยวข้อง 5 คดีคือ คดีแรกเกิดขึ้นเมื่วันที่ 1 ส.ค.2563 ได้จับนายวรเดช พรถาวรกุล กับพวกรวม 4 คน พร้อมไอซ์ 50 กิโลกรัม เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย  คดีที่ 2 วันที่ 28 ส.ค.2563 จับกุมนายมนตรี แซ่ลี กับพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้า 1,399,800 เม็ด ยาไอซ์ 6 กิโลกรัม และฝิ่นดิบ 4 กิโลกรัม เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ คดีที่ 3 วันที่ 3 ก.พ.2564 จับกุมนายบดินทร์ ตานะสาย กับพวกรวม 2 คน ของกลางยาไอซ์ 100 กิโลกรัม ยาบ้า 341 เม็ด เหตุเกิดที่ ต.แม่สาย อ.แม่สาย และ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียราย จ.เชียงราย คดีที่ 4 วันที่ 13 มี.ค.2564 จับกุมนายสมพล ลีไพรอุทิศ กับพวกรวม 3 คน ของกลางยาบ้า 920,000 เม็ด และยาไอซ์ 52 กิโลกรัม เหตุเกิด ต.หนองหาร อ.สันทราย และ ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และคดีสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 มี.ค.64 จับกุมนายกฤษกร ประชุมพรรณ์ กับพวกรวม 7 คน ของกลางยาบ้า 8,085,000 เม็ด เหตุเกิด ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จากการขยายผลทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติออกหมายจับ จำนวน 39 ราย เป็นหมายจับข้อหา สมคบฯ พ.ร.บ.ยาเสพติด จำนวน 12 ราย หมายจับข้อหา สมคบฯ พ.ร.บ.ยาเสพติด และ ฟอกเงิน จำนวน 12 ราย และหมายจับข้อหา ฟอกเงิน จำนวน 15 ราย 

โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายมาแล้ว 10 จุด เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาในเขต จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่  ลพบุรี และลำพูน ดำเนินกรจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย ยึดทรัพย์ได้มูลค่า 15,000,000 บาท ประกอบด้วยบ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง ที่ดิน 1 แปลง คอนโด 1 หลัง รถยนต์ 7 คัน รถจักรยานยนต์ 10 คัน ทองคำรูปพรรณ 14 รายการ และอาวุธปืน 6 กระบอกอีกด้วย

โดย พล.ต.อ.มนู เมฆหมก รอง ผบ.ตร.(ปป.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.มีกำหนดเดินทางไปยังห้อง ศปก.สภ.แม่สาย เพื่อรับฟังบรรยายสรุป ก่อนลงตรวจพื้นที่เป้าหมายในปฏิบัติการใน อ.แม่สาย พร้อมแถลงข่าต่อสื่อมวลชนต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

'คาร์ม็อบขอนแก่น' ปิดถนนหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรถาค 4 ก่อนปาสีใส่ป้ายกองบัญชาการฯ ขณะที่กำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้นำโล่ออกมาบังจนเกิดเหตุชุลมุนเกิดขึ้น

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 22 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะราษฎรขอนแก่นได้กำหนดจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ คู่ขนานกับการจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯและในอีกหลายจังหวัด โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากหน้าตึกสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และขับไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จนกระทั่งมาถึงหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดถนนทุกช่องการจราจรพร้อมนำรถเครื่องขยายเสียงมาจอดที่บริเวณหน้าป้าย เพื่อปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมนำถังบรรจุถุงสีที่เตรียมไว้มาเทหน้าป้ายโดยมีกำลังตำรวจออกมายืมเป็นแนวเพื่อดูแลความสงบ

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำถุงบรรจุสีปาใส่ป้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 พร้อมกับปาประทัดแบบควัน โดยทาง พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้นำโล่ออกมากันผู้ชุมนุมไม่ให้ปาสีใส่ ทำให้เกิดเหตุชุลมุนปะทะเล็กน้อยแต่ก็ยังควบคุมสถานการณ์จนทรงตัวได้ ขณะที่ความเสียหายจะมีป้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และเครื่องแบบชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใส่มาปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตามขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง โดยได้กล่าวปราศรัยบนรถเครื่องเสียงจากแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแลความสงบเรียบร้อยและให้ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด

กลุ่มขันอาสา กลุ่มล้านนาปลดแอก และกลุ่มราษฎรลำปาง จัดกิจกรรม Carsmob ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากโควิดและเรียกร้องวัคซีนและนายกรัฐมนตรีต้องลาออก

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 ส.ค.2564 ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา อ.เมือง จ.ลำปาง กลุ่มขันอาสา กลุ่มล้านนาปลดแอกและกลุ่มราษฎรลำปาง จำนวนกว่า 300 คน นำโดย เกียรติ ลำปาง แกนนำกลุ่มล้านนาปลดแอก และผู้ประสานงาน ร่วมกันจัดกิจกรรม Carsmob ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากโควิดและเรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์ให้กับทุกคนและนายกรัฐมนตรีต้องลาออก โดยมีป้าเป้า วรวรรณ แซ่อั้ง อายุ 67 ปี ขวัญใจผู้ชุมนุมเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและปฎิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ก่อนเริ่มขบวนมีการตรวจคัดกรองป้าเป้าด้วยวิธี  Antigen Test Kid (ATK) และยืนยันผลการตรวจเป็นลบก่อนปล่อยขบวนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่เข้าร่วมกว่า 100 คันที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมพร้อมบีบแตร ชูสามนิ้ว และชูป้ายไล่ประยุทธ์ ไปตามถนนฉัตรไชย เลี้ยวซ้ายไปถนนตวงรัตน์ เลี้ยวขวาไปถนนไมตรีถึงบริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง เลี้ยวขวามาตามถนนฉัตรไชยถึงจุดเริ่มต้นบริเวณสวนสาธารณะฯรวมระยะทางไป-กลับประมาณ 10 กม.โดยป้าเป้าขึ้นรถแห่ปราศัยนำขบวนดังกล่าวด้วย บรรยายกาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ป้าเป้า กล่าวว่า อยากจะพูดให้ทุกคนฟัง ทำไมถึงต้องสู้ เพราะสงสารเด็กคิดว่า ประเทศนี้เขากดขี่เราบังคับเรา ไม่เคยอยู่ข้างประชาชน อยากกู้ก็กู้แต่ประชาชนพวกเราต้องหาใช้หนี้โดยที่เราไม่ได้กินเงินภาษีเราเลย ประยุทธ์ต้องออกไป คนเราถ้าอยู่ดีกินดีใครจะออกมาไล่ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่เอาภาษีมาซื้ออาวุธฆ่าประชาชน

ทางด้าน เกียรติ ลำปาง ผู้ประสานงานกลุ่มฯ กล่าวว่า เรามาร่วมตัวกันวันนี้มีวุตถุประสงค์

1.เพื่อเรียกร้องวัคซีน

2.แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโควิด แล

3.พลเอกประยุทธ์ต้องลาออก

เนื่องจากที่ผ่านมา มีโรคระบาดแต่ประชาชนเข้าถึงวัคซีนไม่ได้มันคืออะไร เรื่องนี้เกิดมาปีครึ่งแล้วลูกหลานเรายังไม่ได้ฉีดวัคซีน ไปโรงเรียนไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ไม่มีรายได้มันกระทบกันไปหมด วัคซีนคือโอกาส รัฐบาลต้องเปิดให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็วที่สุด ซึ่งทุกวันนี้มีคนเสียชีวิตทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ทำอะไ ถ้ายังเพิกเฉยเราก็จะจัดกิจกรรมเข้มข้นต่อไปอีก เพราะทุกวันนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีวัคซีนให้ประชาชน จึงฝากถึงพลเอกประยุทุธ์  ท่านอยู่มา 7 ปีครึ่งแล้วลาออกเถอะครับ อยู่มาเกือบ 8 ปี ประเทศมีหนี้มากมายมหาศาล ท่านยังจะอยู่ต่ออีกเหรอ ลาออกเถอะครับเพื่อให้คนอื่นที่มีความสามารถเข้ามาเป็นนายกฯแทนและต้องมาจากเสียงประชาชน ไม่ใช่จากการเลือกของ สว.


ภาพ/ข่าว  วินัย / ลำปาง รายงาน

“รวบ BLOGGER หัวหมอ” เปิดเว็บหลอกทำเอกสารปลอม เหยื่อถูกตุ๋นเพียบ…เสียหายกว่า 5 ล้านบาท!!

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากลหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ศิลปคมณ์  เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย คือ

นายนิรันดร์ฯ อายุ 49 ปี สัญชาติไทย ในข้อหา มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฉ้อโกงประชาชน

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้รับแจ้งจากประชาชนกรณีถูกมิจฉาชีพ  แอบอ้างว่าสามารถออกวุฒิการศึกษา และออกใบแจ้งผลการสอบภาษาอังกฤษได้ จากเว็บไซต์ www.path168.com และ www.cer365.com โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหลักแสนบาท ซึ่งมีผู้หลงเชื่อชำระเงิน แล้วคนร้ายจะบ่ายเบี่ยง แจ้งเหตุขัดข้อง ว่าไม่สามารถดำเนินการได้จนกระทั่งออกอุบายให้ชำระเงินเพิ่ม แต่เมื่อผู้หลงเชื่อชำระเงินเพิ่มไปแล้วหรือต้องการยกเลิกการออกใบรับรองดังกล่าวและต้องการขอเงินคืน กลับถูกปฏิเสธและตัดช่องทางการติดต่อเชิดเงินหลบหนี ผู้ถูกหลอกจึง เชื่อว่าตนได้รับความเสียหายและแจ้งความร้องทุกข์ และเดินทางมาให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ศปชก.สตม. เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวน ทราบว่าคนร้ายจะใช้บัญชีธนาคารของผู้อื่น ในการรับเงินโอนจากประชาชนที่หลงเชื่อ และคนร้ายจะใช้ให้บุคคลที่มีส่วนร่วมในขบวนการตระเวนกดเงินสดออกจากบัญชี แล้วนัดหมายกันส่งมอบเงินสดให้แก่ตน เจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. สืบสวนจนกระทั่งพิสูจน์ตัวตนของผู้ที่มารับเงินสด และสืบทราบที่อยู่ปัจจุบัน จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้เข้าค้นระแวกประชาอุทิศน์ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม. ตามหมายค้นศาลอาญาธนบุรี พบนายนิรันดร์ฯ แสดงตนเป็นผู้พักอาศัยในบ้าน โดยพบโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด ของผู้อื่น รวมทิ้งสั้น 99 รายการ จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายนิรันดร์ฯ พบว่ามีการสนทนากับประชาชนที่หลงเชื่อจำนวนมาก ที่เข้ามาติดต่อกับนายนิรันดร์ฯ เพื่อขอให้ออกวุฒิการศึกษา ออกใบคะแนนภาษาอังกฤษ จากการสอบถามนายนิรันดร์ฯ เบื้องต้นให้การว่าได้ว่าจ้างให้บุคคลหนึ่ง (จำชื่อ-สกุล ไม่ได้) เป็นผู้ทำเว็บไซต์ www.path168.com และ www.cer365.com เพื่อใช้เป็นอุบายหลอกลวงเอาทรัพย์สินผู้เสียหาย แต่ทั้งนี้นายนิรันดร์ฯ แจ้งว่าที่ผ่านมาไม่เคยปลอมแปลงเอกสารใด ๆ ตามที่โฆษณาไว้มาก่อน เจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. จึงจับกุมตัวนายนิรันดร์ฯ พร้อมนำของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของกลางที่ตรวจยึดเบื้องต้น พบประชาชนผู้หลงเชื่อและโอนเงินกว่า 30 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย มากกว่า 5 ล้านบาท

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top