Saturday, 11 May 2024
POLITICS

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รองโฆษก ปชป. แจง เปลี่ยนตัววิปรัฐบาล ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ตามนโยบายของพรรค

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่มีการปรับปรุงตัวบุคคลในวิปรัฐบาล ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการเปลี่ยนตัวบุคคลนั้น เนื่องจาก ส.ส.ที่เป็นกรรมการวิปรัฐบาลอยู่ก่อนหน้านี้ เต็มใจที่จะออกจากตำแหน่ง เพื่อต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำหน้าที่

ซึ่งการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำหน้าที่ก็เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อได้รับแจ้งจากนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาลว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล จึงให้แต่ละพรรคการเมืองไปพิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มีหารือและได้ปรับเปลี่ยนตัวบุคคลดังที่ปรากฎไป

“รุ่นพี่ที่เป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย ที่อยู่ในวิปรัฐบาลมีสปิริตและเต็มใจออกเพื่อที่จะเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งได้มี ส.ส.ที่เป็นคนรุ่นใหม่แจ้งความจำนงว่าอยากจะเข้ามาทำหน้าที่ ผู้ใหญ่ในพรรคจึงได้พิจารณาให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น” นายอัครเดช กล่าว

“เทพไท” เข้าใจหัวอก “เอ๋ ปรีณา” ชะตากรรมเดียวกัน ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. พร้อมอวยพรขอให้โชคดี

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีข่าวเกี่ยวกับคดีความการขึ้นโรงขึ้นศาลที่ปรากฏในหน้าสื่ออยู่หลายข่าว แต่ข่าวที่ปรากฎในหน้าสื่อมากที่สุด ก็น่าจะเป็นข่าวของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับคำร้องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว ทำให้ข่าวของคุณเสก โลโซ ที่ถูกศาลฎีกามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว เล็กลงไปทันที รวมไปถึงข่าวการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของตน ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ปรากฎเป็นข่าวเล็ก ๆ ในสื่อบางสำนักเท่านั้นเอง

“ในฐานะที่เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง และเคยถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราวมาก่อน ย่อมเข้าใจความรู้สึกของ คุณปารีณา เป็นอย่างดี และรู้สึกเห็นใจ เพราะคนที่เป็นนักการเมืองย่อมมีความผูกพันกับชาวบ้านในเขตพื้นที่เลือกตั้งเป็นธรรมดา แต่ระหว่างที่กำลังสู้คดีความนั้น  คุณปารีณาก็สามารถทำหน้าที่ ส.ส.นอกสภาได้เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถอภิปราย หรือใช้สิทธิ์ลงมติใด ๆ ได้เท่านั้น 

แต่การทำหน้าที่ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชนนอกสภา ก็ยังสามารถทำได้เหมือนเดิม  เช่น การลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพบปะพี่น้องประชาชน หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ก็ยังคงทำได้เหมือนเดิม และเชื่อว่าบทบาทของคุณปารีณา ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก็คงยังปรากฏให้เห็นอยู่บนหน้าสื่อเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะน้อยลงไปบ้าง ถ้าหากต้องเจียดเวลาไปเตรียมการต่อสู้คดีในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนกว่าคดีจะถึงที่สุด”

ส่วนตัวกับคุณปารีณารู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แม้บางครั้งอาจจะถูกคุณปารีณาให้ข่าวพาดพิงถึงบ้างก็ตาม  แต่ก็ไม่ได้ถือสาและตอบโต้แต่อย่างใด มาวันนี้เมื่อคุณปารีณา เจอชะตากรรมเหมือนที่ผมเคยเจอมาก่อน ก็ย่อมเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี ขอให้กำลังใจในฐานะนักการเมืองด้วยกัน และขอให้โชคดีนะครับ” นายเทพไท ระบุ

ศรีสุวรรณ บุก สภ.ภูพิงค์ เชียงใหม่ แจ้งความ เอาผิด ก๊วนทำธงชาติไร้สีน้ำเงิน - นักแสดงดัง

วันที่ 16 มีนาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่นำธงชาติไทยแต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 บริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช.ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522 โดยมีนักแสดงหญิงชื่อดังที่ทำตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงพ่วงอยู่ด้วยนั้น

สืบเนื่องมาจาก รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ได้เข้าไปหอศิลป์มหาลัยในฐานะคณะบดีวิจิตรศิลป์ เพื่อดูความพร้อมของสถานที่ เตรียมรับผลงานแสดงวิทยานิพนธ์ของต่างสถาบัน ที่มาขอใช้พื้นที่แสดงงานแล้วตรวจพบธงชาติไทยที่เอาสีน้ำเงินออก พร้อมข้อความด่าทอในลักษณะต่างๆ ซึ่งเป็นธงที่เคยใช้ในม็อบต่อต้าน112 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ที่สนามกีฬา มช. เมื่อไม่กี่วันก่อน ปะปนอยู่กับงานศิลปะนักศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงให้เจ้าหน้าที่เอาออกไป จนกลายเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันมากในขณะนี้

ซึ่งการจัดทำธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินนั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธง 2522 ในหลายมาตรา อาทิ ม.53 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อาทิ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือในแถบสีของธง อันมีลักษณะโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ม.54 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎของกระทรวง ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

และตามประมวลกฎหมายอาญา ม.118 ก็ยังบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงของชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อเอาผิดผู้ที่ทำธงดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา มช. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พรก.ฉุกเฉิน 2548 และ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ ม.215

‘พรรคกล้า กทม.’ ร้องผู้ว่า กทม. จ่ายเงินลูกจ้างโครงการ หลังค้างจ่ายค่าจ้าง 3 เดือน ขอเร่งบรรเทาความเดือดร้อน แก้ระเบียบหรือสำรองจ่ายไปก่อน

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการกลุ่มกรุงเทพมหานคร พรรคกล้า เรียกร้องถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จ่ายค่าตอบแทนลูกจ้างโครงการของ กทม. เนื่องจากไม่ได้ค่าตอบแทนการทำงานเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิดระบาด และยังต้องปฏิบัติหน้าอยู่

นายเอกชัย กล่าวว่า "ลูกจ้างกลุ่มนี้มีการแต่งตั้งภายใต้คำสั่ง การแต่งตั้งบุคคลภายนอกที่ช่วยปฏิบัติราชการเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมกีฬา ศูนย์เยาวชน ดนตรี ห้องสมุดประชาชน สภาเยาวชนเขตต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนาเด็ก เยาวชน และประชาชนตามโครงการหรือกิจกรรมที่ช่วยปฏิบัติราชการ อื่น ๆ ตามคำสั่ง"

โดยยึดระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยอัตราค่าตอบแทนค่ารางวัล ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ พ.ศ.2539 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2557 อัตราค่าจ้างคิดเป็น 360 บาทต่อวัน ระยะเวลาการจ้างงานสัญญาปีต่อปี ทำงานทุกวันคือ 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่เว้นวันหยุด พร้อมถูกหักเงินเข้าประกันสังคมด้วย โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนมาตลอด จนกระทั่งมีการร่างระเบียบขึ้นใหม่เพื่อปรับอัตราค่าจ้างขึ้นเป็น 480 บาท แต่สำนักงานเขตหลายแห่งไม่สามารถทำเรื่องเบิกค่าตอบแทนดังกล่าวได้ เพราะระเบียบไม่ได้ระบุค่าตอบแทนให้ทางสำนักงานเขตเป็นผู้จ่าย แต่ระบุให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร เป็นผู้จัดการเท่านั้น ให้ทำเรื่องเบิกจ่ายทำได้แต่เพียงหน่วยงานเดียว

แต่ต่อมา สำนักวัฒนธรรมฯ ได้ยกเลิกระเบียบเดิม โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้สำนักงานเขตหลายแห่ง ไม่สามารถอ้างถึงระเบียบการจ่ายใด ๆ ได้เลย ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับอัตราค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่นเดิม ได้เงินเยียวยาตามโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 เพียงเท่านั้น

นายเอกชัย ฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอให้แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกจ้างโครงการฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนหลายพันคน ขอเสนอให้ลูกจ้างโครงการได้รับเงินเดือนตามอัตราที่จ้างไม่ว่าจะเป็นระเบียบเดิมหรือระเบียบใหม่โดยเร็วที่สุด หรือจะเป็นการเบิกเงินสำรองจ่าย หรือเงินอื่น ๆ ที่พึงกระทำได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทีมงานในระดับผู้ปฏิบัติงาน ได้มีพลังในการทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายเพื่อชาวกรุงเทพฯ ด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“วิรัช” แจง ปรับวิปรัฐบาล เพื่อความเหมาะสม ชี้! อดีต รมต.กปปส. “ณัฏฐพล –พุทธิพงษ์”ก็ลาออกด้วย

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(ปสส.) ว่า สาเหตุที่พรรคพปชร.มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากบุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำหน้าที่ใน กมธ. จึงไม่มีเวลามาร่วมประชุมกับวิปรัฐบาล อาทิ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ที่เป็นประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน  นายสุชาติ อุสาหะ  ส.ส.เพชรบุรี ประธานกมธ.ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม  นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ประธาน กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน  

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็จะขอลาออกจากวิปรัฐบาล เนื่องจากมีภารกิจงานอื่นใน กมธ.ค่อนข้างมาก จึงจะสลับให้นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. กลับเข้ามาเป็นวิปรัฐบาลอีกครั้ง ทั้งนี้ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการขอเปลี่ยนตัววิปด้วยเช่นเดียวกัน  ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)ที่ลาออกจากวิปรัฐบาลเช่นกัน

นอกจากนี้ในสัดส่วนของครม. ก็มีผู้ลาออก ได้แก่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดีอีเอส ดังนั้นจะมีประกาศปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.)ออกมาใหม่อีก1 ฉบับ

“ไม่อยากให้มองตรงนี้เป็นเรื่องของความขัดแย้ง ที่ผ่านมาวิปรัฐบาล มีการประสานงานร่วมกันด้วยดีทุกพรรค และที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวบุคคล เพราะตลอดเวลากว่า 1 ปี ทุกคนมีภารกิจ มีงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลามาทำงานตรงนี้ได้ จึงได้สลับปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม” นายวิรัช กล่าว 

“นฤมล” เยือนชลบุรี ยกระดับศักยภาพคนพิการ สร้างอาชีพที่มั่นคง

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวิฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ เยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ประกอบด้วย สายด่วนคนพิการ 1479 ศูนย์พัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม โรงเรียนพิเศษคุณพ่อเรย์ ศูนย์แฟลชโฮม สาขาโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ ห้องพักและศูนย์ประชุมพระมหาไถ่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา ให้กำลังใจแก่นักเรียน นักศึกษา บุคลากรของมูลนิธิฯ รวมถึงเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ไทวัสดุ ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ จังหวัดชลบุรี

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการเป็นองค์กรชั้นนำด้านคนพิการระดับสากล มีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่า มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านการจัดการศึกษา การฝึกอาชีพ บริการจัดหางาน รณรงค์ด้านการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ นอกจากนี้ยังมีการให้บริการสายด่วนคนพิการประชารัฐ การผลิตรายการโทรทัศน์ กิจกรรมด้านสื่อและการประชาสัมพันธ์ สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดโอกาสให้คนพิการได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในสังคมมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการยอมรับในศักยภาพของคนพิการ อันเกิดจากความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ไทวัสดุเพื่อคนพิการวันนี้ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสนับสนุนการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ ยกระดับการทำงาน รวมถึงเป็นการประสานความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่าของคนพิการอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกทักษะอาชีพให้คนพิการ เพื่อนำไปสู่การยอมรับของสังคม และมีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อให้มีทักษะ สามารถนำไปประกอบอาชีพ ให้มีงานทำ มีรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป

“กลุ่มคนพิการเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญและมีศักยภาพเพียงพอต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้คนพิการได้มีโอกาสเข้าถึงทุกอาชีพ เพื่อสะท้อนศักยภาพของคนพิการให้เกิดการยอมรับในสังคมเทียบเท่ากับคนปกติ” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

“อนุชา” ชี้! รมต.พปชร.มี “ความรู้-ความสามารถ” มั่นใจเป็นคนเก่ง-คนดี ทำงานได้

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงรัฐมนตรีใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ 2 คน ได้แก่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า รัฐมนตรีทั้งคู่เป็นคนที่มีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในฐานะส.ส.หลายสมัย มั่นใจว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 ของพรรค จะเป็นผู้บริหารงานในกระทรวงได้เป็นอย่างดี

“ผมเคยทำงานร่วมกับคุณนางสาวตรีนุช ในขณะที่เป็น ส.ส.พรรคไทยรักไทย 2 สมัย ส่วนคุณชัยวุฒิ ได้ร่วมงานกันตอนพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มต้น จึงเห็นศักยภาพของทั้ง 2 ท่านว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ” นายอนุชา กล่าว

"วิษณุ" เผย​ กฤษฎีกาปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ประชามติเสร็จแล้ว

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา​ 2019​ หรือ ศบศ.​ พล.อ. ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหมได้เรียกนายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรีขึ้นไปหารือที่ตึกภักดีบดินทร์​ เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่รับตำแหน่งใหม่ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรหลังจากนี้

จากนั้นนายวิษณุให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาร่าง​ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติของคณะกรรมการกฤษฎีกา​ ว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับปรุงเนื้อหาร่างเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเวลา 13.30 น เมื่อวันที่ 25 มีนาคมและคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง​ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติจะคุยกันในวันที่​ 1​ เมษายน ดังนั้น​ วันที่​ 1​ หรือ​ 2​ เมษายน​ น่าจะคุยกันเรียบร้อย​ และน่าจะประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ตามกรอบเวลาที่เขาวางไว้

เมื่อถามถึงกรณีมีการร้องสมาชิกรัฐสภาจำนวน​ 208​ คนที่ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ​ 3 สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายหรือไม่​ นายวิษณุ​ กล่าวว่า​ ไม่ทราบเขาไปร้องกันแล้ว​ แต่ไม่ต้องกลัวเพื่อนเยอะ ถ้าถามว่าสุ่มเสี่ยงหรือไม่ส่วนตัวมองว่าไม่

รองโฆษก ทบ. เผยสั่งต้นสังกัดสอบ “ร้อยโท” คอมเมนต์หนุน “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ชี้ถ้าทำจริงโทษผิดระเบียบปฏิบัติ-วินัยทหาร ย้ำ! ขรก.ต้องยึด 3 สถาบันหลักของชาติ

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีนายทหารยศร้อยโท สังกัดสำนักงานพระธรรมนูญทหารบกเข้าไปแสดงความคิดเห็นคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กสนับสนุนการกระทำของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ที่ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์นั้นว่า ขณะนี้ทางกรมกำลังพลทหารบกได้สั่งให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง เพื่อรายงานให้กรมกำลังพลฯรับทราบก่อนว่านายทหารคนดังกล่าวได้กระทำแบบนั้นจริงหรือไม่ เพราะการโพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียอาจโดนแฮก หรือเป็นความตั้งใจ เนื่องจากในโซเชียลมีเดียมีทั้งของจริงและไม่จริง 

 

ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และต้องรอดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ เมื่อหน่วยต้นสังกัดตรวจสอบเสร็จแล้วจะรายงานผลให้กรมกำลังพลฯ รับทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนหากพบว่าเจ้าตัวได้กระทำจริง ถือมีความผิดในระเบียบปฏิบัติเรื่องการใช้โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ที่จะต้องไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง และไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง รวมทั้งเป็นการกระทำผิดวินัยทหาร โดยจะมีจากโทษเบาไปหาหนัก เพราะคนที่เป็นข้าราชการต้องมีจิตวิญญาณเป็นข้าราชการที่ดี และหากเป็นทหารต้องยึดสถาบันหลักของชาติ ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง 

เพื่อไทยปลุก ปชช.ช่วยกันเอา ส.ว.-พรรคร่วม รบ.ออกไป เชื่อทำ “ประยุทธ์” ไร้เสาค้ำยัน อยู่ต่อไม่ได้ 

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ Think Lab พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนา "วิกฤตเศรษฐกิจ หลังรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ประเทศไทยจะไปต่ออย่างไร ?” โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค พท.และอดีต รมว.พลังงาน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ และอดีต ส.ส.ร.ปี 40 และนายวิโรจน์ อาลี นักวิชาการอิสระ ร่วมเสวนา 

นายพิชัย กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวัง หมดหวังเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในสภา เศรษฐกิจไทยจะย่ำแย่และทรุดหนักลงไปอีกเรื่อยๆ เมื่อมีการคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย 3 ปัญหา คือ

1.) ประเทศไทยติดกับดักกับผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วตลอด 6 ปีกว่า และยังคงแสดงความล้มเหลวในการบริหารอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ล่าสุดยังมีงบประมาณที่มีการกู้เงินมากกว่าการลงทุน อีกทั้งยังจัดงบประมาณปี 65 น้อยลงกว่างบประมาณปี 64 ถึง 5.66% ทั้งที่ประเทศต้องการการลงทุนเพื่อการพัฒนา เพราะกลัวถูกด่าว่ากู้มากไป นอกจากนี้เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ต่ำมากไม่มีทางถึง 4% ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลโม้ไว้ ล่าสุดแบงค์ชาติคาดว่าจะเหลือประมาณ 3% หรือต่ำกว่าซึ่งเชื่อว่าจะต่ำกว่ามาก สภาวะเงินทุนไหลออกจะมีมากขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอีก 

2.) การหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงานจะทำได้ยากหรือทำไม่ได้เลย บุคลากรที่บริหารเศรษฐกิจปัจจุบัน ขาดความรู้ความสามารถ ขาดความเข้าใจทางเศรษฐกิจ ได้แต่ขายฝันไม่ต่างจากทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ 

3.) ประเทศไทยหมดความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ มีการกระทำที่สวนกับประชาคมโลก ทั้งการนัดพบกับตัวแทนของเผด็จการทหารพม่าที่เป็นที่น่ารังเกียจของชาวโลก ที่เข่นฆ่าประชาชนอย่างอุกอาจโดยไม่สนใจการต่อต้านของนานาชาติ ปล่อยให้มีการจัดส่งอาหารให้กับเผด็จการทหารพม่า หากมีการแซงก์ชั่นจากนานาชาติเพื่อทำโทษเผด็จการทหารพม่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อาจจะโดนไปด้วย 

นอกจากนี้การปราบผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงและมีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) ต้องออกแถลงการณ์ประท้วงการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้ว ทำให้ภาพลักษณ์ไทยไม่ต่างจากพม่าเลย ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงการค้าการลงทุนในอนาคต ซึ่งไทยมีปัญหาอยู่แล้วจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด นำประเทศไทยให้กลับมาเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกได้อีกครั้ง เศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาได้อย่างแท้จริง

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมีผลในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ถ้าการเมืองมีปัญหา รัฐบาลไม่เข้มแข็ง ถามว่าเศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร ดังนั้นรัฐธรรมนูญทำให้เกิดผลดีหรือผลกระทบได้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าสืบทอดอำนาจ เสาที่พยุงอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์คือ ส.ว. 250 คนที่ คสช.เลือกมา และองค์กรอิสระที่ทำให้รัฐบาลอยู่หรือไปได้ ซึ่งที่มาก็มาจาก ส.ว.ที่ตัวเองคัดสรรมาเอง ส่วนพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หากไม่ร่วม พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะในสภาฯ เวลาอภิปราย ต้องมีเสียงครึ่งหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ถูกโหวตไม่ไว้วางใจ หรือเวลารัฐบาลเสนอกฎหมายการเงิน 

หากพรรคร่วมไม่ช่วยยกมือ กฎหมายก็ผ่านไม่ได้ หากคนรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อแล้วประเทศไปไม่ได้ ต้องทำให้เสาค้ำยันหลุดออกไป ทั้ง ส.ว.และพรรคร่วมรัฐบาล ตนมีวิธีง่าย ๆ ให้เสาค้ำยันหลุดออกไป เช่น เวลาที่กฎหมายหรือพระราชบัญญัติผ่านรัฐสภา ให้ ส.ส.เข้าชื่อกันเสนอว่ากฎหมายหรือ พรบ.นั้น ๆ ตราขึ้นมิชอบ หรือมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพราะ ส.ว.194 คนมาจากกระบวนการสรรหามิชอบ ตนอยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไรถึงสถานะ ส.ว. 

นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นเสาค้ำยัน ประชาชนต้องช่วยกันบอกหัวหน้า กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทั้งของพรรค ปชป.และ ภท.ว่าอย่าค้ำยัน พลงอ.ประยุทธ์ เพราะประชาชนทนไม่ไหวแล้ว หากช่วยกันพูดเยอะๆ ทั้งสองพรรคก็คงทนค้ำยันไม่ไหว ก็อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ส่วนรัฐธรรมนูญที่เสนอให้แก้ไขนั้น การยกร่างแก้ไขทั้งฉบับทำให้องค์กรอิสระหวั่นไหว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ตงิด ๆ เพราะกลัวว่าอาจไม่ได้อยู่ครบวาระ ส่วนโอกาสจะผลักดันให้มี ส.ส.ร.เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญก็ยากเย็นแสนเข็ญ 

ตอนนี้จึงยังไม่เห็นอนาคต ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งอยู่ ประเทศยิ่งแย่ ประชาชนยิ่งลำบาก ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีความสามารถทำอะไรดี ๆ หรือตั้งใจทำเพื่อส่วนรวมได้ ทำแต่เพื่ออยู่ในอำนาจต่อ หากประชาชนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปแล้วพวกท่านลำบาก ก็ต้องแสดงออกเพื่อให้เสาหยุดค้ำยัน หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนต้องบอกให้ชัดว่าพรรคไหนที่ คสช. ตั้งมาอย่าไปเลือก พรรคไหนไปร่วมค้ำยัน คสช.ก็ไม่เลือก ส่วนพรรคไหนที่ตั้งมาเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจก็ไม่เลือก ต่อให้มี 250 ส.ว.อยู่ พล.อ.ประยุทธ์ก็กลับมาไม่ได้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาติในงานสถานทูตต่าง ๆ ได้สอบถามเขาว่ามองเราอย่างไร ญี่ปุ่นบอกว่าวันนี้เขามองการลงทุนกับเวียดนาม ทั้งที่บริษัทต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในประเทศเราทำกับญี่ปุ่น ทูตเกาหลีก็พูดเช่นเดียวกันว่ามองการลงทุนในเวียดนามเป็นหลัก วันนี้เวียดนามได้การลงทุนจากเกาหลีใต้มากกว่าไทยถึง 3 เท่า หลังการรัฐประหาร รัฐบาลไม่ได้พยายามหาตลาดใหม่เพื่อให้สินค้าไทยไปสู่ตลาดโลก ไม่มีการพัฒนาแรงงานให้มีศักยภาพ เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ได้ส่งเสริมธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการการใช้โซเชียลมีเดีย 

กฎหมายต่าง ๆ ที่สร้างความกังวลใจต่อผู้ลงทุน หรือผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นว่าจะถูกล้วง การไม่ปรับปรุงหรือพัฒนานี้ตนคิดว่าจะทำให้เราตายจากข้างใน นอกจากนี้รัฐเราไม่มีทักษะ ยุทธศาสตร์ชาติที่มีไม่ได้ช่วยบอกว่าเราจะไปข้างหน้าได้อย่างไร เราต้องกลับมานั่งดูว่าประเทศเราต้องการอะไร แล้วพบว่ากุญแจสำคัญคือรัฐธรรมนูญ เพราะนโยบายต่าง ๆ ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องมาจากกลุ่มคนที่มีความเข้าใจใกล้ชิดกับประชาชน แล้วรับเอาความต้องการของประชาชนไปขับเคลื่อน แต่วันนี้ประเทศเรากลับขับเคลื่อนโดยระบบรัฐราชการ ความต้องการของประชาชนอยู่ตรงไหนไม่มี 

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เราต้องกลับมาดูว่ารัฐยังให้ความสำคัญกับความมั่นคงมากกว่าความมั่งคั่งอยู่หรือไม่ วันนี้ทั่วโลกเน้นความมั่งคั่งกันหมดแล้ว ต้องถามคนไทยว่าคุณต้องการโตด้วยยุทธศาสตร์อะไร ต้องการพัฒนาไหม ตัวที่จะปลดล็อกทุกอย่างได้คือ รัฐธรรมนูญ เรื่องความมั่นคงควรเป็นลำดับท้ายๆ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วจะแย่ไปอีก การจะค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่ในอำนาจต่อไปจะทำให้เขาไม่สนใจความต้องการของประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจเลยว่าประชาชนต้องการอะไร จะแข่งขันกับต่างชาติได้อย่างไร การเปลี่ยนแปลงตอนนี้จะรวดเร็วมหาศาลมาก คนยุคใหม่มีองค์ความรู้เยอะมาก อย่าบล็อกเขาไว้ แต่ต้องปล่อยให้เขาได้คิด ได้เติบโต ประเทศจึงจะไปได้ แต่ถ้าคิดเพียงจะค้ำยันอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประเทศจะไปต่อไม่ได้ สิ่งแรกที่รัฐบาลควรทำในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคืออยู่นิ่ง ๆ เพราะวันนี้ภาคธุรกิจเขาพร้อมแล้ว แต่เขาติดขัดที่คุณ 

บิ๊กป้อมปลื้ม! มาตรการแก้ PM2.5 ฝุ่นลดจากปี 63  เห็นชอบ :โครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี  :โครงการทางหลวงแนวใหม่ จ.ปทุมธานี  มุ่งขยายโครงข่าย  ส่งเสริมการพัฒนาศก. ท้องถิ่น/ประเทศ 

เมื่อ 26 มีนาคม 2564   พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.) ครั้งที่ 2/2564  โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ,คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รมช.ศธ. ,และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กค. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบผลการดำเนินงาน ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการปีงป.62-63  ซึ่งในปี 63 มีปริมาณซากผลิตภัณฑ์ถึง 428,113 ตัน ทั้งนี้ได้มีหลายหน่วยงานดำเนินการแก้ปัญหาซากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว จำนวน 2 โครงการ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 11 โครงการ  พร้อมรับทราบความก้าวหน้าการระงับใช้รถ ที่มีมลพิษเกินมาตรฐานตาม พ.ร.บ. การจราจรทางบก พ.ศ. 2522  ซึ่ง สตช. อยู่ระหว่างดำเนินการออกกฎกระทรวง ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับทราบการจัดสรรเงินอุดหนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม สนับสนุนโครงการจำนวน 69 โครงการเพื่อการบริหารจัดการ ไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งทำให้จุดความร้อนสูง (HOT SPOT) ในปี64 ลดลงจากปี63 อย่างน่าพอใจ

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ รายงาน EIA โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี ของการทางพิเศษฯ เพื่อเพิ่มโครงข่ายถนนและช่วยส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ ตามเส้นทางพาดผ่าน ด้านตะวันออกของถนนพหลโยธิน และเห็นชอบโครงการทางหลวงแนวใหม่หมายเลข 9 ด้านตะวันตก-จุดตัดทางหลวงหมายเลข 347-จุดตัดทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ด้านตะวันออก-ทางหลวงหมายเลข 352 ของกรมทางหลวง  เพื่อลดปัญหาการจราจรคับคั่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล  รวมถึง ยกระดับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง  เนื่องจากยังตรวจพบจุดความร้อน เป็นจำนวนมากในพื้นที่ภาคเหนือ และ ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง จากที่ดินจัดสรรให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล และให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดมาตรฐานให้ครอบคลุมที่ดินจัดสรร ทุกประเภท ตามกฎหมายว่าด้วย การจัดสรรที่ดิน

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ ทส.และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามโครงการ/แผนงาน ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบรายงาน EIA โดยเร็ว ซึ่งต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับสูงสุด  สำหรับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง ขอให้ขับเคลื่อน และยกระดับการดำเนินงาน อย่างต่อเนื่อง ต่อไป  ควบคู่กับการ รณรงค์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ให้กับประชาชน

ป.ป.ส. กางผลงาน 6 เดือน พบเบาะแสยาเสพติดกว่า 7,957 เรื่อง เร่งประสานหน่วยงานภาคีดำเนินการแก้ไข พร้อมย้ำ! ผู้ปกครองดูแลการใช้โซเชียลของบุตรหลาน หวั่นถูกล่อลวงเข้าเครือข่ายค้ายา

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เผยผลการดำเนินงานในการลดความเดือดร้อนของประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่จัดให้ยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของชาติที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง

 

สำหรับการดำเนินงานในเรื่องการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนปัญหายาเสพติดผ่านสายด่วน 1386 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 24 มีนาคม 2564 มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งสิ้น 7,957 เรื่อง ดำเนินการแล้ว 4,864 เรื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 61.13 จับกุมผู้เสพ จำนวน 810 ราย พาผู้เสพเข้ารับการบำบัด จำนวน 218 ราย จับกุมผู้กระทำความผิด 176 ราย และออกหมายจับ 9 ราย สำหรับยาเสพติดของกลางที่ยึดได้เป็น ยาบ้ารวม 79,280 เม็ด, ไอซ์ 879 กรัม เฮโรอีน 3.4 กรัม, กัญชาสด 15,500 กรัม , กัญชาแห้ง 111กรัม ยาแก้ไอ 740 กรัม คีตามีน 44 กรัม  

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ในเรื่องของการค้ายาเสพติดผ่านสื่อโซเชียลที่พบมากขึ้นในปัจจุบันนั้น สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดชุดติดตามเครือข่ายค้ายาเสพติดในโซเชียลร่วมกับตำรวจ ซึ่งพบกว่า 10,000 เครือข่าย โดยจากการติดตามพบว่ามีพฤติการณ์ล่อลวงเยาวชนเข้ามาเป็นเครือข่ายค้ายา และจัดส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้โซเชียลของแก๊งค้ายาจะเป็นกลุ่มผู้ค้ารายย่อยหรือระดับล่าง ในแต่ละปีมีการจับกุมคดียาเสพติดผ่านทางโซเชียล 200,000-300,000 คดี ในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 90 เป็นผู้เสพ โดย ป.ป.ส. ได้ร่วมกับตำรวจจัดชุดติดตามพร้อมประสานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สั่งปิดเว็บไซต์ที่กระทำผิด

 

“ฝากเตือนไปยังพ่อแม่ ผู้ปกครองให้เฝ้าระวังบุตรหลานและเยาวชนที่สามารถเข้าถึงโซเซียลได้ง่าย ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อการค้ายาเสพติดได้ง่ายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถูกดึงให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยไม่ตั้งใจ และสำหรับพี่น้องประชาชนที่พบพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ 1. สายด่วน 1386 โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง 2. หนังสือร้องเรียนถึงสำนักงาน ป.ป.ส. ส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาค 3. การแจ้งเบาะแสด้วยตนเองได้ที่สำนักงาน ป.ป.ส.ส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาค และ 4. การแจ้งผ่านเว็บไซต์ ป.ป.ส. https://1386.oncb.go.th

 

นายวิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงาน ป.ป.ส. และกระทรวงยุติธรรม มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สร้างสังคมปลอดภัยและน่าอยู่ ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด คือ การรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนโดยตรง โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ตระหนักถึงประเด็นนี้เช่นกัน จึงได้มีการลงพื้นที่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อพบปะพูดคุย รับฟังปัญหา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม 

 

โดยล่าสุดในการลงพื้นที่ ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะสร้างการรับรู้ในประเด็นแนวทางการปราบปรามยาเสพติดโดยอาศัยนโยบายการยึดทรัพย์สิน ตัดวงจรเครือข่ายการค้ายาเสพติด รวมถึงการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวัง (JSOC) ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังและติดตามผู้พ้นโทษในคดีสะเทือนขวัญ ด้วยกลไกทางสังคมและความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการป้องกันการกลับไปกระทำผิดซ้ำของผู้พ้นโทษ เป็นต้น

"บิ๊กป้อม" ยอมรับ สั่งถอด ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์จากวิป รบ. เป็นมาตรการลงโทษทางการเมือง ย้ำ ภท. พอใจแล้ว ฉุนสื่อฯ ถามให้ตีกัน

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบกรณี 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์งดลงคะแนนให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา ว่า เขาได้ลงโทษไปหมดแล้วและได้ขอโทษไปกับพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ไปบ้างแล้ว 

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล โดยถอด ส.ส.บางคนในกลุ่มดาวฤกษ์ ออกไปเป็นการลงโทษอย่างหนึ่งของพรรคพปชร.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่และให้ออกทุกตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเวลา 3 เดือน อีกทั้งดำเนินการลงโทษทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง 

เมื่อถามว่าพรรคภท. ยอมรับกับผลการลงโทษของพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “พรรคภท. โอเค” พร้อมกับหันไปตอบสื่อด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายว่า “สื่อจะถามทำไม ผมไม่เข้าใจเลย จะถามให้ตีกันให้ได้ แปลก  จะให้ตีกับใครล่ะ ให้ผมตีกับภท.หรือ"   จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า “จะไม่เกิดรอยร้าว กับภท.แล้ว ” 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แนวทางการลงโทษนี้ จะทำให้ พรรคภท.และพรรคพปชร. เกิดความสมานฉันท์ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า มันเป็นแนวทางของพรรคการเมืองและส.ส. กลุ่มดาวฤกษ์ก็เป็นส.ส.สมัยแรก เขาอาจจะไม่เข้าใจ และการลงโทษก็ถือว่าเป็นกฎของพรรคการเมือง

“อนุทิน” ยัน! รมต.สลับกระทรวง “คมนาคม-พาณิชย์” ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ทำงานคล่องตัวขึ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปรับครม.ที่ผ่านมา ที่มีการแลกกระทรวงกันของรัฐมนตรีช่วยของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของกระทรวงคมนาคมและพาณิชย์ ที่มองกันว่าอาจทำให้ไม่มีการคานอำนาจกันว่า ถ้ามองอย่างนั้น แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ไม่มีรัฐมนตรีช่วยใครจะมาคาน มันไม่เกี่ยวกันเลย รัฐมนตรีทุกคนโดยพื้นฐาน โดยหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การคานอำนาจคือสภาผู้แทนราษฎรที่คานอำนาจ ทำไม่ดีก็โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าไม่ใช่พวกมากจะลากไปได้ เห็นกันอยู่แล้วว่าผลโหวตออกมาเป็นอย่างไร ไม่เท่ากันสักคน

“หน้าที่ของรัฐมนตรีคือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มันคานอำนาจกันเองในกระทรวงไม่ได้ รัฐมนตรีช่วยคนไหนกล้าคานรัฐมนตรีว่าการ เป็นไปได้หรือเปล่าล่ะ อำนาจทั้งหมดอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการ ดังนั้นมันไม่มี รัฐมนตรีช่วยต้องทำงานตามที่รัฐมนตรีว่าการมอบหมาย ดังนั้นการที่พรรคเดียวกัน กลุ่มเดียวกัน เป็นหัวหน้าเป็นลูกน้องกัน การทำงานก็มีประสิทธิภาพได้ ทำให้กระชับยิ่งขึ้น มองในแง่ที่ว่าทำให้งานรวดเร็วยิ่งขึ้นบ้างซิ อย่าไปมองแค่ว่าจะมาทำอะไรกัน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าที่ผ่านมารัฐมนตรีคนละพรรคอยู่กระทรวงเดียวกันทำงานไม่เข้าขากันหรือ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกกระทรวงมีรัฐมนตรีว่าการเป็นเจ้ากระทรวงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลหรอก ดีหรือไม่ดีอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการ  เมื่อถามว่าการสลับกระทรวงกันครั้งนี้ไม่มีเหตุผลทางการเมืองใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เหตุผลทางการเมืองก็คือการทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้นไม่ดีกว่าหรือ 

“สมมุตผมเป็นรัฐมนตรีว่าการและมีรัฐมนตรีช่วยต่างพรรค ก็อาจจะมีความรู้สึกบ้างได้ว่า แหม เกรงใจเขา เกรงอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาออฟเฟอร์ว่า เอาไหม สลับกันไหม จะได้ทำงานได้เต็มที่ คล่องตัวขึ้น ผมก็เอา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อนเลย อำนาจในความรับผิดชอบของกระทรวงแต่ละกระทรวงอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการเท่านั้น รัฐมนตรีช่วยเซ็นอะไรไป รัฐมนตรีว่าการก็ยังต้องรับผิดชอบ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top