Tuesday, 20 May 2025
POLITICS

บทเรียนสอนใจ 'แรมโบ้' ยก ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ กรณีศึกษาสอน 'เศรษฐา' ย้อนถาม!! กินข้าวกับชาวนาเพื่อรับฟัง หรือเห็นประโยชน์

'แรมโบ้' ตอกกลับ 'เศรษฐา' ไปกินข้าว รับฟังความเห็นชาวนา จริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่ ย้ำนโยบายช่วยชาวนาของรัฐบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มผลผลิตสร้างรายได้เพิ่ม ตามโครงการข้าวรักษ์โลก BCG ให้กับชาวนา ไม่เหมือนนโยบายโกงจำนำข้าวที่ทำชาวนาจนผูกคอตายไปหลายราย เตือนนักธุรกิจที่เคยค้าความร่ำรวยจากประชาชน เข้ามาบริหารประเทศ ให้ดูชะตากรรมนายทักษิณ ยิ่งลักษณ์เป็นบทเรียนสอนใจ

(11 มี.ค. 66) - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยาฟังปัญหาชาวนาวิจารณ์ 8 ปีอยู่ในหลุมดำรายได้ต่ำ ราคาข้าวไม่ดี มีแต่น้ำท่วม-แล้ง โดยนายเสกสกลยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาล นายกฯประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับเกษตรกร และชาวนามาโดยตลอด และมีหลายนโยบายออกมาให้ความช่วยเหลือ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เพียงพอและอยู่ดีมีสุข และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งทำควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันการส่งออกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการชี้แจงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดปี 2565 การส่งออกทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน มีผู้ส่งออกขอใบอนุญาตส่งออกแล้ว 8.58 ล้านตัน และคาดการณ์ปี 66 ปริมาณการส่งออกจะสูงกว่าปี 65 แน่นอน

“นโยบายการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นายเศรษฐา อาจจะมองว่าไม่หวือหวาหรือช่วยชาวนาให้อยู่ดีกินดีได้ทันที แต่เป็นนโยบายที่สร้างความมั่นคงให้กับชาวนาได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าการผลิต โครงการข้าวรักษ์โลก BCG ที่เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นที่ถูกใจของชาวนามาก ไม่เหมือนกับนโยบายโกงจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่สร้างปัญหาส่งผลให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต้องเข้ามาแก้ไขตามใช้หนี้จนทุกวันนี้ยังไม่หมด อีกทั้งนโยบายโกงจำนำข้าวของเพื่อไทยนี้ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวนาเป็นอย่างมาก ผูกคอตายไปหลายคน ครอบครัวเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดา นี่คือผลงานของเพื่อไทยมิใช่หรือ

นักกฎหมาย ชี้ ‘ณัฐวุฒิ’ ไม่เข้าลักษณะ ‘ผู้ช่วยหาเสียง’ ส่อ!! เข้าข่ายครอบงำพรรค หวั่นเข้าเงื่อนไขยุบพรรค

(10 มี.ค. 66) สืบเนื่องจากกรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยปราศรัยบนเวทีพรรคเพื่อไทย แม้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญและร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ‘ดร.ณัฎฐ์’ นักกฎหมายมหาชน ได้แสดงความเห็นทางกฎหมายว่า…

“โครงสร้างพรรคการเมือง ตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ไม่ได้บัญญัติกำหนดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ตำแหน่งดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับ เป็นเพียงตั้งกลุ่มขึ้นมาทำกิจกรรมทางการเมืองโดยใช้เทคนิคเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ให้ตั้งข้อสังเกตว่า ตามริมถนนสาธารณะทั่วไป แผ่นป้ายนโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นรูปภาพ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่กลับไม่มีภาพการนำเสนอนโยบายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาเสนอต่อประชาชน จึงตั้งข้อสังเกตว่า ค่าใช้จ่ายของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยจะนำมารวมเป็นค่าใช้จ่ายเป็นเกณฑ์ชี้แจงค่าใช้จ่ายต่อ กกต.หรือไม่” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าปัญหาเกี่ยวกับระเบียบ กกต.ว่า ด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 ได้ให้คำนิยามคำว่า ‘ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง’ หมายถึง ‘ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามกฎหมาย’ ซึ่งบุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถูกจำกัดสิทธิ์ ใช้สิทธิ์เลือกตั้งจนกว่าที่จะพ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ถึงจะเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 ดังนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง จึงไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียง ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ. 2561 ได้

ส่วนรัฐธรรมนูญ หมวด 3 ให้สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 34 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติแห่งกฎหมาย เมื่อพิจารณาถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียง เพราะขาดหลักเกณฑ์ในการเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จึงมีลักษณะเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจการของพรรคในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ตามความในมาตรา 29 แห่ง พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รับจ้างเป็น ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย สามารถกระทำได้หรือไม่ ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าหากเป็นสัญญาจ้างทำของ มุ่งถึงความสำเร็จของงานเป็นหลัก สามารถกระทำได้ แม้ไม่ได้มีสัญญาว่าจ้าง แต่ต้องแจ้ง กกต.ประจำจังหวัดในพื้นที่ในวันที่หาเสียงหรือปราศรัย แต่เงื่อนไขสำคัญหลัก ต้องพิจารณาถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่พรรคเพื่อไทย ชี้แจงต่อ กกต.เป็นการจ้างทำของหรือไม่

นอกจากนี้ จะต้องพิจารณาถึงคำปราศรัยจ้างในการหาเสียง เป็นผู้กำกับ ควบคุมเองหรือไม่อย่างไร เท่าที่ติดตามข่าว เห็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย จ้างหลักร้อย เล่นหลักล้าน ต้องมาถอดคำปราศรัยว่า การปราศรัยหรือหาเสียง ครอบงำพรรคหรือไม่ แม้ไม่ผิดระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2561 โดยอาศัยช่องจ้างทำของ แต่ติดเงื่อนไขห้ามมิให้ผู้ใดมิใช่สมาชิกกระทำการใดควบคุม ครอบงำพรรค

“พูดภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่า ระหว่างคุณเต้น ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สถานะทางกฎหมายพรรคการเมืองไม่ต่างกัน เมื่อเป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่ได้ ออกช่องรับจ้างทำของ แต่ติดกับดัก มาตรา 28 มาตรา 29 แห่งกฎหมายพรรคการเมือง เป็นอันตรายแก่พรรคการเมือง ซึ่งกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 28 ห้ามไว้โดยชัดแจ้งห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคครอบงำพรรค ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ตรงนี้ ผมพูดตามหลักกฎหมาย เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า กระแสวันประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยวานนี้ (9 มี.ค. 66) กระแสปั่น 310 ที่นั่ง จะเป็นพรรคการเมืองตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองเดียว มีความเป็นไปได้หรือไม่อย่างไร ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า กระดานการเมืองของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่อยู่ที่ได้จำนวนเท่าไหร่ แต่จำนวนที่คาดหมายเป็นการปั่นกระแส หากเป็นรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 อาจเป็นไปได้ แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ได้ออกแบบ สว.จำนวน 250 เสียงและลงมติเห็นชอบร่วมตามมาตรา 272 โอกาสจัดตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองเดียว ยืนยันว่าโอกาสน้อย หรือว่า แทบไม่มีโอกาสเลย

‘วิรัช’ แจ้ง พปชร. เลื่อนปราศรัยเชียงราย 12 มี.ค.นี้ เลี่ยงพายุฤดูร้อนถล่ม ขอ ปชช.เฝ้าระวังความปลอดภัย

(10 มี.ค. 66) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากการที่พรรคได้กำหนดแผนการเปิดเวทีปราศรัยที่จังหวัดเชียงราย ของพรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 12 มี.ค.นี้นั้น ล่าสุด จากการติดตามสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ในขณะนี้ การปราศรัยดังกล่าวจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จะมีพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย กินพื้นที่ตั้งแต่ จังหวัดเชียงราย, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์

ซึ่งส่งผลให้การทำกิจกรรมปราศรัย ไม่สามารถดำเนินการได้ ในช่วงระหว่างวันที่ 12 - 14 มีนาคม 2566 ทำให้ทางพรรคต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน เป็นไปด้วยความเหมาะสม

‘ศุภชัย’ ตอกกลับ ‘ธีระชัย’ ปมพักหนี้ 3 ปี ใครแบกภาระ ชี้ เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว

(10 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งถามเรื่อง ‘ภูมิใจไทยพักหนี้ ใครแบกภาระ?’ ว่า นโยบายพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นว่าประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากคนจนที่เป็นหนี้เป็นสิน มีความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และอุทกภัย จึงต้องการให้ประชาชนหยุดพักหายใจบ้าง ผ่อนแรง มีโอกาสในการฟื้นตัวเองเพื่อทำมาหากิน ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้ประชาชน

“อันที่จริง คุณธีระชัย น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะตอนที่คุณธีระชัยเคยทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน 56 ไฟแนนซ์ล้ม ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เข้ามารับประกันผู้ฝากเงินทุกบัญชี ก็ด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน แต่นโยบายของภูมิใจไทยไม่ได้ทำแบบมักง่ายแบบนั้น กล่าวคือ เงินที่นำมาเพื่อการนี้ นำมาจากพันธบัตรรัฐบาล ที่นำออกมาจำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีกำลัง แทนที่จะฝากกับธนาคารที่ดอกเบี้ยต่ำ มาซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูงกว่ามาก ซึ่งถ้ามองอีกมุมหนึ่งการที่มีนโยบายนี้ออกมาก็เป็นการสร้างการบริโภคของประชาชนที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายศุภชัย กล่าว

‘บิ๊กตู่’ บุกแปดริ้ว ไหว้ขอพรหลวงพ่อโสธรฯ ด้านแฟนคลับอธิฐานขอให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯ

(10 มี.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงวัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยมี นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งจะย้ายมาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ มาต้อนรับ และมีจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ฉะเชิงเทรา พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายมติชน ชูทับทิม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับด้วย

ทันที่ลงจากรถ พล.อ.ประยุทธ์ได้โบกมือทักทายประชาชน พร้อมรับพวงมาลัยดอกมะลิจากบรรดาแฟนคลับ ขณะที่ประชาชนให้กำลังใจนายกฯ จากการรักษามืออักเสบให้หายไว ๆ สุขภาพแข็งแรง ให้นายกฯ สู้ ๆ และให้มาเป็นนายกฯ อีก

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มือยังเจ็บอยู่ แต่หมอบอกไม่เป็นอะไรแล้ว จากนั้น ได้ชูมือให้ประชาชนดู ซึ่งมือด้านขวายังใส่เฝือกอ่อน ขณะที่มือซ้ายใส่ที่พยุงข้อมือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณรอยที่ถอดท่อใส่ยาฆ่าเชื้อออก อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ามือด้านขวาของนายกฯ มีอาการบวมลดลง

จากนั้น นายกฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา (YEC Chachoengsao : Young Entrepreneur Chamber of Commerce) ที่มาต้อนรับ ก่อนเข้าไปสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และกราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ ซึ่งคณะทำงานระบุว่า ขอให้เป็นการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ พระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ได้เจริญพระพุทธมนต์และให้ศีลให้พรกับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางมา และได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลองปี 2566 รุ่น 1 ขนาดหน้าตัก 7 นิ้ว และเหรียญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากน้ำ ปีที่ 250 พ.ศ.2563 รุ่น 10

‘จาตุรนต์’ ซัด!! สาเหตุที่ ‘บิ๊กตู่’ ไม่รีบยุบสภา เหตุหวัง ‘หาคนเข้าพรรค - หาเสียงให้ รทสช.’

(10 มี.ค. 66) นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังพบหนังสือรายชื่อรัฐมนตรีที่เดินทางไปตรวจราชการพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่จังหวัดฉะเชิงเทราว่า ใครดูรายชื่อผู้ร่วมคณะนายกฯ ไปตรวจราชการที่จังหวัดฉะเชิงเทราแล้วก็จะเข้าใจทันทีว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ยุบสภาสักที แต่จะรอจนนาทีสุดท้ายก่อนสภาฯ จะครบเทอมโน่นเลย ไม่ทราบว่า นายกฯ และคณะจะไปตรวจราชการเรื่องอะไร

ทั้งนี้ จ.ฉะเชิงเทรา มีอาชีพทางการเกษตรหลายอย่างที่เจอปัญหาต่างกัน เช่น ข้าว มะม่วงหมู และกุ้ง เป็นต้น มีอุตสาหกรรมอยู่พอสมควรและยังเป็นส่วนหนึ่งของอีอีซีด้วย แต่ไม่เห็นมีรัฐมนตรีหรือข้าราชการประจำของกระทรวงเกษตรฯ อุตสาหกรรมหรือสภาพัฒน์ไปด้วยเลย มีแต่รัฐมนตรีในโควตา พล.อ.ประยุทธ์และข้าราชการการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งตั้งก่อนที่คนเหล่านี้จะมาเป็นกำลังสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เท่านั้น

‘พปชร.’ รับเรื่อง ‘ไข่ มาลีฮวนน่า’ ชงตั้งสภาศิลปะ-วัฒนธรรม หนุน กม.ดูแลสวัสดิการศิลปิน ชู ซอฟต์พาวเวอร์ เสริม ศก.

(10 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร กทม. ประกอบด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรมสรเดช, นายนิธิ บุญยรัตกลิน, นายกานต์ กิตติอำพน, น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และ น.ส.ชญาภา ปรีภาพาก รับหนังสือจาก กลุ่มสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย นำโดย  นายคฑาวุธ ทองไทย หรือ ‘อ.ไข่ มาลีฮวนน่า’ และสมาชิกเข้ายื่นหนังสือ เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐ ผลักดันการจัดตั้งสภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นนโยบายของพรรค เพื่อทำหน้าที่ดูแลด้านสวัสดิการให้กับกลุ่มศิลปิน และยังเป็นการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย เพื่อให้เกิดการแข่งขันในเวทีโลก ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดรับกับนโยบายของพรรคในการส่งเสริมอาชีพศิลปิน และนักสร้างสรรค์ ให้สามารถพัฒนาศักยภาพของคนไทยในทักษะทางศิลปะ การออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั้งระบบ เป็นการสร้างเม็ดเงินอีกสาขาอาชีพหนึ่งของไทย

นายคฑาวุธ กล่าวว่า ทั้งนี้ทางสมาพันธ์ฯ มีเป้าหมายให้ภาคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับ อุตสาหกรรมทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม เพราะจะมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอม สร้างเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้ได้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข และสามารถนำคุณค่าทางศิลปะ และวัฒนธรรมมาเป็นพลังในการพัฒนานโยบายและพลังแนวรุกในการขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และการแก้ไขปัญหาทางสังคม

ปัญหาเรื้อรัง ‘จูรี’ กางโฉนด ‘ชาวชายฝั่งระโนด’ ที่ดินหายกว่าครึ่ง วอนนายกฯ แก้ไข ก่อนชาวบ้านต้องย้ายไปอยู่กลางทะเล

‘จูรี’ ชาติพัฒนากล้าสงขลา อัดคลิปกลางทะเล ร้องนายกดูแลชายฝั่งระโนด หลังโดนมรสุมกัดเซาะที่ดินหายลงทะเลทั้งแปลง ปัญหาเรื้อรังนับ 10 ปี ที่ผ่านมาแก้ปัญหาผิดวิธี

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 นายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.สงขลา พรรคชาติพัฒนากล้า ในฐานะเป็น ชาว อ.ระโนด โดยกำเนิด กล่าวว่า ในวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการ จ.สงขลา รวมถึงตรวจติดตามแนวทางการแก้ปัญหาพื้นที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณ หมู่ที่ 2 ต.นาบอน นั้น อยากให้ท่านดูแลติดตามอย่างจริงจัง เพราะปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อเรื้อรังมานาน ในบางจุด มีศาลาและโกฐบรรจุอัฐิของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถูกกัดเซาะจนพังทลายได้รับความเสียหายอย่างหนัก บ้านบางหลังพังและจมหายลงไปในทะเล

“ปัญหานี้เรื้อรังมานับสิบปี ไม่มีการแก้ไข ชาวบ้านจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ทุกปี แต่พอมาดูโฉนดบางพื้นที่หายไปกว่าครึ่งแปลง บางพื้นที่จมหายไปทั้งแปลงก็มี เหลือแต่โฉนดที่เป็นกระดาษ ปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปีนี้หนักมาก และหนักขึ้นทุกปี ขอให้ผู้ที่รับผิดชอบ ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กรมเจ้าท่า ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยดูแล จัดหาที่อยู่ใหม่ และซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โดยด่วนก่อนที่ชาวบ้านจะต้องย้ายที่อยู่ลงไปในทะเล” นายจูรี กล่าว 

สำหรับปัญหาดังกล่าว ชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากการสร้างกำแพงกันคลื่นของกรมเจ้าท่า ซึ่งเป็นปัญหามานับสิบปี และไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด 

ล้างคอรอดู!! ‘ตรีชฎา’ โว!! นโยบาย พท. ทำคนลืมบัตรคนจนได้แน่ สวน ‘ทิพานัน’ อย่าดิสเครดิต พท.ล้มบัตรสวัสดิการ

(10 มี.ค.66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้ข่าวพาดถึงพรรคพท.ทำนองว่าคนเป็นผู้นำไม่ใช่แค่หาเงินเป็นอย่างเดียว แต่ต้องรักษาเงินเป็นและต้องไม่โกงว่า หาก น.ส.ทิพานันทำหน้าที่ทีมโฆษกรัฐบาลได้ดี ไม่บกพร่อง เหมือนกับโฆษกคนอื่นๆ แถลงข่าวที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน คงจะดีและคุ้มค่ากับภาษีของพี่น้องประชาชนมากกว่านี้ แต่ประโยคที่ น.ส.ทิพานัน พยายามจะสื่อเพื่อเอาใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะกลายเป็นภาพที่จำติดตาว่า การทำหน้าที่รองโฆษกรัฐบาลครั้งสุดท้าย ผลงานที่เห็นเป็นประจักษ์ คือการสรรเสริญเยินยอ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นใช่หรือไม่

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า น.ส.ทิพานันอย่าพยายามกล่าวหาผู้อื่นว่าโกง เพราะการโกงที่แย่ที่สุด คือการโกงอำนาจจากประชาชนใช่หรือไม่ การที่พล.อ.ประยุทธ์ทำรัฐประหาร น.ส.ทิพานันคิดว่าเป็นการปล้นอำนาจหรือไม่ การรัฐประหารมีความผิดฐานกบฎ มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หากไม่มีความผิดจะเขียนนิรโทษกรรมทำไม การรัฐประหารคือต้นเหตุของความขัดแย้งในหลายปีที่ผ่านมา น.ส.ทิพานันยังพาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าว้าเหว่ โดดเดี่ยว ขาดความอบอุ่น การกล่าวเช่นนี้นึกถึงสำนวนไทย สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล หากเป็นคนว้าเหว่โดดเดี่ยวจริง เหตุใดยังมีประชาชนรักและคิดถึงจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่คนที่อยู่ในประเทศมา 8 ปี จนสื่อตั้งฉายา 8 ปีที่แปดเปื้อน คนกลับเอือมระอา น.ส. ทิพานันไม่ต้องห่วงนายทักษิณ ไปห่วง พล.อ.ประยุทธ์เมื่อพ้นตำแหน่งดีกว่า เกรงว่าจะเดินบนถนนเหมือนปกติชนได้หรือไม่ 

จะเริ่มได้ยัง!! ‘โรม’ บี้ถาม ‘ผบ.ตร.ปราบยา’ เมื่อไรแจ้งข้อหา ‘ส.ว.อุปกิต’ ลั่น!! ไม่อยากเห็นคนผิดลอยนวล ฝาก ‘ผบ.ตร.’ ดูความคืบหน้า

‘โรม’ ถามดัง ๆ ผบ.ตำรวจปราบยา หายหน้าไปไหน เมื่อไรจะนำตัว ‘ส.ว.ทรงเอ’ มาแจ้งข้อหา ฝาก ผบ.ตร. ติดตามการทำงานผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย

(10 มี.ค. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา มาดำเนินคดีกรณีมีข้อครหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุนมินลัต’ ว่า หลังจากตนยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อแจ้งเบาะแสสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านมาแล้ว 10 วัน ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรทั้งนั้น ง่ายที่สุดคือการเอาตัว ส.ว.อุปกิต มาแจ้งข้อหาเพื่อที่จะฟ้องคดีต่อไป ซึ่งตั้งแต่ 1 มีนาคมเป็นต้นมา หมดสมัยประชุมรัฐสภาแล้ว ส.ว. ไม่มีความคุ้มกันใด ๆ ที่จะไม่ถูกหมายเรียกหรือหมายจับได้อีก

รังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2565 ในตอนนั้นตำรวจสืบนครบาล (บก.สส. บช.น.) ที่จับทุนมินลัตและขยายผลมาถึง ส.ว.อุปกิต ได้เคยขอหมายจับต่อศาลแล้ว ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับให้ แต่กลับมาถอนการอนุมัติในบ่ายวันเดียวกัน แล้วให้ตำรวจไปออกหมายเรียกก่อน อ้างว่าเพราะเป็นบุคคลสำคัญ ทั้งนี้ การออกหมายเรียกนั้น ตำรวจทำเองได้ แต่ในกรณีนี้ หน่วยงานที่มีอำนาจออกหมายเรียกนั้นไม่ใช่ตำรวจสืบนครบาล แต่เป็นอำนาจของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคม 2565 เป็นช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภาอยู่ ถ้า บช.ปส. มีการออกหมายเรียก ส.ว.อุปกิต มารับทราบข้อกล่าวหาให้ทันก่อนสภาเปิด ก็อาจยังเดินหน้าคดีต่อไปได้ หรือถ้าออกหมายเรียกแล้วไม่มาใน 15 วัน ก็ยังไปขอหมายจับกับศาลอีกรอบได้ แต่การขอหมายเรียกจาก บช.ปส. ก็ไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งในช่วงนั้นและดูเหมือนในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่คดีทุนมินลัตอยู่ในชั้นศาล แต่ ส.ว.อุปกิต กลับยังไม่ถูกแจ้งข้อหาเสียที ทำให้เดินหน้าคดีต่อไม่ได้ 
 

คิดให้ดีก่อนพูด!! ‘พล.ท.นันทเดช’ ท้า!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดชื่อผู้ต้องหา ‘ม.112’ ลั่น!! เป็นนักการเมือง อย่าพูดให้ตนเองเดือดร้อน

ท้า‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดชื่อผู้ต้องหา‘ม.112’โดนกลั่นแกล้ง สอนมวย ‘คิดก่อนพูด’

(10 มี.ค.66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) แชร์โพสต์ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยสถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตำหนิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พูดส่งเดชเกี่ยวกับมาตรา 112

‘ไข่ มาลีฮวนน่า’ ยื่นหนังสือถึง ‘ภูมิใจไทย’ ชงตั้ง ‘สภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ’

(9 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้รับหนังสือจากนายคฑาวุธ ทองไทย (อ.ไข่ มาลีฮวนน่า) ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติสภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันการตั้ง ‘สภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ’ เป็นนโยบายพรรค

นายคฑาวุธ กล่าวว่า ทางสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ได้ก่อเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตโรคโควิด-19 ที่ระบาดทั่วทั้งประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลก สร้างผลกระทบในหลายด้าน อาทิ การดำรงชีวิตการประกอบอาชีพด้านเศรษฐกิจ ทางสมาพันธ์ฯ ได้มีการจัดการประชุมระดมความคิดเห็นในการเสนอแนวทาง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาวของอาชีพที่เกี่ยวข้องทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม และเกิดความร่วมมือเป็นพลังในการพลิกฟื้นประเทศร่วมกัน

‘ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า’ ยื่นหนังสือร้องถึง พปชร. เร่งแก้กฎหมาย - ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน

(9 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า พร้อมนายศิระ อวยศิลป์ หัวหน้าพรรคไทยเป็นหนึ่ง ยื่นหนังสือต่อ เพื่อให้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม

นายรัฐภูมิ ระบุว่า พรรคไทยเป็นหนึ่ง ได้ส่งเรื่องให้กับพรรคพลังประชารัฐ ช่วยผลักดันการจำหน่าย และใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย เพราะมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เมื่อใช้แล้วก็ถูกจับ อีกทั้งข้อกฎหมายบางข้อไม่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน

นายศิระ กล่าวว่า เรากำหนดนโยบายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามกฏหมายตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค และนโยบายของเราได้รับสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เห็นว่านายชัยวุฒิ จะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ตนมีนโยบายคล้ายกัน จึงอยากจะร่วมผลักดันให้เรื่องนี้ถูกต้องตามกฏหมาย หากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ทำให้ไม่เกิดผลเสียหรือผลกระทบ พรรคพลังประชารัฐและพรรคไทยเป็นหนึ่ง มีจุดยืนร่วมกัน เป็นโอกาสดีที่จะให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาพบกันแล้วคุยกับข้อเรียกร้องต่าง ๆ

‘เด็กก้าวไกล’ เผย กมธ. เห็นพ้องร่างแก้ไข พ.ร.ก.ประมงฯ หวังรัฐสภาชุดใหม่สานต่อ มอบความเป็นธรรมให้ชาวประมง

(9 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ สัดส่วนพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ได้ยื่นร่างที่พิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้วเสร็จ ส่งต่อให้ประธานรัฐสภาดำเนินการต่อไป ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่การพิจารณาแก้ไขกฎหมายประมงแล้วเสร็จในชั้นกรรมาธิการ เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งพรรคการเมือง สมาคมด้านการประมง กรรมาธิการ และที่ปรึกษาทุกคน ทำให้เราสามารถใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ผลักดันเรื่องนี้จนลุล่วง แม้ว่าหลายๆ เรื่องจะมีข้อคิดเห็นแตกต่างกันในที่ประชุม แต่ก็มีการถกเถียงพูดคุยและสงวนความเห็นกันไป อะไรที่เป็นจุดร่วมก็ร่วมพิจารณากัน

“แม้ว่าด้วยเงื่อนเวลาที่ปิดสมัยประชุมสภาฯ ไปแล้ว จึงไม่สามารถให้รัฐสภาเห็นชอบจนออกเป็นกฎหมายได้ แต่การที่ร่างแก้ไขในชั้นกรรมาธิการสำเร็จได้ ก็อาจจะกลายเป็นร่างฉบับที่ 8 ที่จะให้รัฐบาลและรัฐสภาชุดหน้า หยิบไปพิจารณาต่อได้เลย แม้ยังมีหลายเรื่องที่จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ให้เวลาได้พิจารณาแลกเปลี่ยนกันในรายละเอียดตามที่มีกรรมาธิการสงวนความเห็น” ณัฐพงษ์กล่าว

ค้ามนุษย์หมดไป!! ‘บิ๊กป้อม’ สั่งยกระดับกวาดล้าง ‘ค้ามนุษย์’ ทุกรูปแบบ ขยายครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าดันไทยขึ้นเทียร์ 1

( 9 มี.ค. 66 ) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปคม.) และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปกค.) 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ ร่างรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย (Progress Report) และกรอบเวลาการจัดทำรายงานฯ เพื่อจัดส่งให้สหรัฐฯเพิ่มเติม เพื่อใช้ประเมินและจัดอันดับในทิปรีพอร์ต ในปีถัดไป และเห็นชอบการติดตาม ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงาน NRM ในจังหวัดนำร่อง ซึ่งคณะทำงานฯ ได้กำหนดไว้ 10 จังหวัด ได้แก่กาญจนบุรี,สระแก้ว,ตราด,สงขลา,สตูล,เชียงราย,ระนอง,ขอนแก่น,หนองคาย และอุบลราชธานี โดยมีการติดตามการดำเนินงาน ในช่วงเดือนพ.ย.65 - มี.ค.66 โดยพล.อ.ประวิตร มอบให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณางบประมาณของจังหวัดดำเนินการฯ และให้สำนักงบฯ จัดสรรงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนฯ ให้เป็นรูปธรรม และยั่งยืน โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากการค้ามนุษย์โดยเร็วที่สุด และมีโอกาสยกระดับขึ้นเป็นเทียร์ 1 ได้ ในปีถัดไป

ทั้งนี้ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย(ดอนเมือง) เพื่อเตรียมรองรับการดำเนินงานตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM)ของทุกหน่วยงานต่อไป และรับทราบรายงานการพัฒนาระบบฐานข้อมูลของประเทศไทย ด้านการดำเนินคดี และการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (E-AHT) รวมทั้ง รับทราบการจัดทำแผนขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็ก(Child Safe Friendly Tourism Project) และการจัดทำแผนปฏิบัติการ ด้านการป้องกันและแก้ไขการค้ามนุษย์ ปี 66-70 ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจาก พม.แล้ว ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการกลั่นกรองของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top